วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เสียดาย


๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๖



ฝนตกพรำมาหลายวัน

ยามเย็นชุ่มน้ำฝน
ตื่นมายามเช้าก็ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน

น้ำค้างยังคงเกาะพราวบนยอดไม้
ใบหญ้า

เสียงนกส่งเสียงทักทายกันและกัน..
สดใสยิ่งนัก


แต่เสียงหัวใจของฉัน..มันบางเบาสลดหดหู่ และหม่นหมอง


ในบางเวลา...ไร้ซึ่งน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ


และจึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ความรู้สึกยังคงวกวน วุ่นวาย หลากหลายเรื่องราว

น่าเสียดายเวลา..
ที่ฉันปล่อยให้ผ่านไปพร้อมกับลมหายใจนาทีต่อนาที

และน่าเสียดายที่อะไรๆ ผ่านเข้ามา..และปล่อยให้จากไป.


บันทึกภาพ ศูนย์ครูใต้ ปัตตานี
โดย Warintira

วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จะสุขหรือเศร้า เท่านี้ไง ชีวิต


๒ มิถุนายน ๒๕๕๖

ท้องฟ้าโปร่ง อากาศร้อนอบอ้าว
เงียบเหงาคล้ายวันหยุด..ทั้งที่ยังต้องทำงาน

เสียงเพลงแว่วๆ ฟังไม่เป็นภาษาในบางครั้ง..เพราะจิตจดจ่อกับตัวเลขตรงหน้า

แต่บางทีก็สะดุด เผลอฮัมเพลงตามถ้าเป็นเพลงโปรด
อาจมีบ้างเผลอใจ..คล้อยไปกับเสียงเพลงและความหมายอันลึกซึ้ง


ชีวิต..และความรู้สึก  
เรามิอาจกำหนดหยุดอยู่กับลมหายใจตัวเองได้เสมอไป

หลายต่อหลายครั้ง..เผลอใจปรุงแต่งจนเกิดโมหะ

กว่าจะกระชากจิตกลับมาอยู่กับตัวเอง..กว่าจะควบคุมจิตตัวเองได้
บอกตรงๆ ค่อนข้างลำบาก

เสียงเพลงโปรด ยังคงลากจิตเราไปไม่ขาดห้วง

..เสียงเพื่อนร่วมงานปิดหน้าต่างแทรกมาเตือนสติ ว่าได้เวลากลับบ้าน..อย่ามัวพิรี้พิไร
.แหงนมองนาฬิกา  หมดเวลา..การงานสำหรับวันนี้

.....แต่เวลาของฉันยังมีจนชั่วชีวิต.....

ฉันกระวีกระวาดเก็บของเพื่อออกจากที่ทำงานไปพร้อมๆกับคนอื่นๆ 

ผ่านไปอีกวัน...
อาจดีบ้าง เลวบ้าง 
จิตระคนทุกข์...ปนสุข อาจปาดน้ำตาปลอบใจตัวเอง...ก็เท่านี้เองใช่ไหม?

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บันทึก..เมื่อเจอโจรล่องหน


หัวใจฉัน...
สมองน้อยๆฉัน
หากมันตะโกน ออกมาได้มันคงต้องตะโกนว่า...รู้ไหม..ว่าฉันจะระเบิดแล้ว..

ทุกๆเวลา นาที และโมงยาม ของแต่ละวัน
เพียงแต่เวลาเริ่มต้น..เจอผู้คน ปัญหาก็เกิด
ไม่ใช่ แค่ได้ยินได้ฟังได้สัมผัส เรื่องราวเสียหาย ทั้งกระทบเราโดยตรง คนข้างตัว
เยอะ..จนเรารู้สึกล้าเกินจะรับไหว

แต่..พลังที่ยังกระตุ้นต่อมความอดทน คือ จิตสำนึกในการทำงาน เพื่อถวายตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ

เหตุเมื่อวาน ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑

เวลา ๐๘.๑๕ น. ผจก.คนที่ ๑ พูดหน้าแถวต่อหน้าคนฟาร์มว่า เรารับลูกปลาทับทิมมาเลี้ยง จำนวน เท่าใด เป็นของฟาร์ม จำนวนเท่าใด เป็นของ ผอ. จำนวนเท่าใดและยังย้ำว่า..เป็นของส่วนตัว ผอ.จำนวนเท่าใด
เราก็ไม่รู้ว่า เขาจะพูดเพื่ออะไร ?

ผจก.คนที่ ๒ ออกไปชี้แจงแทน ผอ.ว่า ปลาส่วนของ ผอ.นำเงินกำไรไปทำกิจกรรมอะไรบ้าง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องทุกคน ในยามใด โอกาสใดบ้าง  เพื่อไม่ให้กระทบ ต่อเงินรายได้

ผจก.คนแรก ก็แก้ตัวว่า เขาไม่เคยรู้เรื่อง เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องเงิน เข้า ออก ไม่รู้เรื่องรายได้ มีแต่การเงินและผอ. ทำกันอยู่ ๒ คน รุ้กันอยู่ ๒ คน.. ที่เขาบอกไม่รู้ คืออยากรู้ระดับไหน..?? ขอบอกนาทีนั้น หากเราออกไปพูดชี้แจงอีกคน คงต้องมีเรื่องวุ่นวายแน่นอน..และนาทีนั้น นึกอยากเป็นผู้ชาย(ว่ะ)จะชกปากคน อารมณ์นั้นทีเดียว..โชคดีที่เป็นหญิง...หยุดโทสะไว้ได้

สิ่งหนึ่งที่คนเรามักพลาด...พูดและกระทำสิ่งใดๆ ลงไปเพราะสนองกิเลส..ตัวโลภะ จนไม่ทราบว่า ผลสะท้อนกลับมาที่ตัวเองอย่างไร

ผัสสะผ่านไปอีกวัน

วันนี้ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๖
เราเข้าที่ทำงานตามปกติ
ก้มตัวลงไขกุญแจลิ้นชัก นานผิดปกติ ทำไมถถึงแหย่ลูกกุญแจไม่เข้าช่องสักที คิดว่าหยิบกุญแจผิดดอก ก็ในพวงกุญแจมันมีกุญแจสารพัด ทั้งกุญแจบ้าน ตู้ ลิ้นชักบ้างไรบ้าง จึงหยิบมาดู ก้มลงพิจารณาช่องเสียบกุญแจ..ถึงได้รู้ว่า ช่องเสียบกุญแจ..ตัน เพราะมีของแข็งสักอย่าง คาช่องเสียบอยู่...โอว....ลิ้นชักโต๊ะ ถูกงัด และใครสักคนพยายามใช้ของแข็งไข แต่ไขไม่ออก ของแข็งประเภทนั้นก็หักคาอยู่อย่างนั้น..ไม่รู้เป็นความโชคดี หรือ ดวงซวยของโจร ทิ้งหลักฐานไว้ให้ดูอย่างนั้น

เราอยากแจ้งตำรวจ แต่มีคนค้าน โทรฯหา ผอ.เพื่อแจ้งเหตุ และจะขออนุญาตแจ้งตำรวจ มาเก็บหลักฐานหาตัวขโมยที่มันมาขโมยเงิน โทรศัพท์ ๒ เครื่อง ล่าสุด..เรากลับจากกรุงเทพฯ เหรียญ เกือบพัน ก็หายไปจากลิ้นชักโต๊ะการเงิน ให้ได้สักที...แต่ผอ.ไม่รับสาย ไม่โทรฯกลับ โจรก็ลอยนวลอีกตามเคย...เอ่อ..ที่นี่เลี้ยงโจร ไว้เยอะ จะได้บุญเหมือนเลี้ยงคนไม่สมประกอบหรือเปล่านะ?

ปัญหา มักไม่ใช่ปัญหา สำหรับ คนบางคน
ปัญหาจึงไม่เคยได้รับการแก้ไข..คนเดือดร้อนก็เดือดร้อน..ซ้ำๆอยู่อย่างนั้น

วันๆ เจอผัสสะเยอะมาก เพราะต้องเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ
บางทีก็นิ่งจนน่ากลัว
บางทีก็หวั่นไหวจน..วุ่นวายและโวยวาย

น้องที่ทำงาน..ตั้งคำถามว่า...ถามจริงๆ ตอบหนู จริงๆนะ..พี่รู้สึกอย่างไรบ้างกับปัญหา..ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน...ตอบจริงๆ"ไม่รู้จะพูดอย่างไร..พูดไม่ออกจริงๆ"

แต่ในยามที่อยู่ตามลำพัง...แอบสะอื้นกับตัวเองเช่นกัน
มีบ้างในบางคราว..ที่เราอ่อนแอ

ในช่วงที่เราหายไป กรุงเทพฯ ไม่ได้บอกเล่าใครมากมาย หลายคนมาซักถาม..ว่าไปทำไม จะกลับไปอยู่กรุงเทพฯหรือ?...เพราะพวกเขารู้จักเราดีพอก็ว่าได้นะ สังคมที่เราไม่คุ้นเคยหนึ่งละ..สังคมการช่วงชิงแย่งผลประโยชน์ในที่ทำงาน เลวร้ายและน่ากลัวกว่าที่เคยเจอก็อีกหนึ่งที่ไม่พึงจะทนได้

พรุ่งนี้...จะเจออะไรอีกไหม..ตั้งคำถามกับตัวเอง
...แต่ตั้งสติได้..ระลึกตัวรู้พร้อม..พระพุทธเจ้า สอนให้อยู่กับปัจจุบัน..