วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกจากปลายด้ามขวาน


บนผืนดินปลายสุดของด้ามขวานไทย
บนผืนดินที่ระอุด้วยดินปืนและเสียงระเบิด
บนผืนดินที่ชุ่มด้วยเลือดและชีวิตของผู้คน

ในนาทีที่ไม่มีใครเคยรู้ชะตากรรมของตัวเอง

ภาพรถบรรทุกทหารหาญสับเปลี่ยนกำลัง...ผ่านตาไปเป็นขบวนใหญ่ ยาวสุดสายตา 

ภาพทหารหาญ..กลับจากลาดตระเวณ กลับสู่ฐานด้วยความอ่อนล้า 
แต่นัยตาของพวกเขายังแกร่งกร้าว

หัวใจเขาหวั่นไหวหรือไม่ฉันไม่แน่ใจ..
แต่หัวใจฉัน...หวาดหวั่น พรั่นพรึงและใจหายแทนเขา
อาการเศร้า หดหู่และอาวรณ์แทนครอบครัวที่จากมา

...เขามาทำหน้าที่ปกป้องชีวิตของประชาชนและแผ่นดินด้ามขวานไทย
เขา..เสียสละ ชีวิตเพื่อชาติ โดยไม่รู้ว่า..ยังจะมีชีวิตและลมหายใจกลับไปหาครอบครัวอีกไหม?

หรือแม้แต่ชีวิตประชาชนอย่างฉัน..ออกจากบ้านในแต่ละวัน ก็ไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเอง ว่า วันนี้จะมีโอกาสได้กลับบ้านทั้งที่มีลมหายใจหรือไม่

การเดินทางเข้าออกพื้นที่ต่างๆ ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าทุกพื้นที่ล้วนเป็นพื้นที่เสี่ยง
หากมีเส้นทางเข้าออกหลายๆเส้นทางเราต้องไม่กลับเส้นทางเดิม 
หากมีความจำเป็นต้องปฎิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยง..เราอาจต้องถอนตัวจากพื้นที่โดยเร็ว

ด้วยหน้าที่ บ่อยครั้งที่ติดตามนายไปพื้นที่เสี่ยงต่างๆ 
ถามว่า กลัวไหม?? กลัว แต่ ทำใจได้  วันนี้ไม่ตาย พรุ่งนี้ก็ตาย ทุกคน มีโอกาสตายเท่ากัน
และเลือกวันเวลาและสถานที่ตายหรือเหตุแห่งการตายไม่ได้ 
แต่ก็ประมาทกับสถานการณ์ไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวเช่นกัน

ชุมชนบ้านฉัน..เหลือประชาชนชาวไทยนับถือพุทธอยู่ไม่กี่ครัวเรือน 
และพื้นที่อื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน..
และประชาชนทุกๆพื้นที่ก็ยังถูกคุมคามด้วยเสียงปืน ระเบิด กับความตายแทบทุกวัน

ด้วยความหวาดกลัว ส่วนที่อพยพออกไปก็มีมาก
ส่วนที่ยังปักหลักอยู่ และเผชิญหน้ากับอันตรายก็มากมาย
...ด้วยสำนึกรักแผ่นดินเกิด ฉันเชื่อว่า อีกมากมายหลายชีวิต...
..ยังขอยึดผืนดินปลายด้ามขวานเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย..

บันทึก..จากปลายด้ามขวานไทย
๒๑ มีนาคม ๒๕๕๗

..


วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

ระเบิดเวลาในฤดูร้อน



ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
อากาศยามเช้าที่นี่..ชายแดนใต้ ยังคงเย็นสบายเสมือนฤดูหนาว
ยังคงได้ฟังเสียงนกร้องเพลง..สลับกับเสียงเฮลิคอปเตอร์ ที่ยังบินวนกลางสมรภูมิ

แต่เมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงสาย เริ่มระอุ ทั้งอุณหภูมิภายนอกและในหัวใจ
ผู้เขียน..กำลังร้อนรุ่มทุกๆ เวลา ด้วยพลังความร้อนที่ประดังเข้ามา
 หลายสิ่ง หลายอย่างกำลังรุมเร้าหัวใจและสมองแทบจะระเบิด
แม้จะเรียนรู้ หัวใจตนเอง รู้ตัวถ้วนทั่วในทุกขณะจิต หรือในขณะที่หัวใจกำลังเต้น
สมองและหัวใจก็ยังตีบตื้อตัน และอื้ออึง

...ได้แต่บอกตัวเอง ว่า ต้องผละ ไปจากที่นี่ ก่อนที่ระเบิดเวลาจะทำงาน
และแม้จะบอกตัวเองอีกว่า...การสยายปีกบินหนี ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย..ก็ตามที
และในขณะที่พร่ำพรรณาถึงตัวเองในยามนี้
..ท้องฟ้าอึมครึมคล้ายฝนจะตก
และในที่สุด..ละอองฝนก็สาดกระเซ็น สัมผัสทุกสรรพสิ่งให้ชุ่มชื้น 
นกก็ยังบรรเลง ขับขานอย่างรื่นเริง

..ยกเว้น..ปีกของหัวใจที่นิ่งสงบเพียงภายนอกแต่ร่ำร้อง ร้อนรนจะบินจากไป.

ขอบคุณภาพ นก จาก หมอกดำ

Nevermind บันทึก ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗