วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อยากบินให้ได้ดั่งนก







จิ๊ก จั๊ก..จิ๊ก จิ๊บ จิ๊บ ๆ
เสียงนกขานรับคู่เสียงสดใส

ทั้งเช้าตรู่..ยามสาย บ่ายคล้อย










ฉันตื่น..สดับรับฟัง เพลิดเพลิน 
ระรื่นชื่น หัวใจ
สายลม เอื่อยเรื่อยริน 
แม้บางเวลาพัดไอแดดแสนร้อนอ้าว
แต่ยังสุขจริง สุขใจ ทั้งเจ้านกน้อย และฉัน




...ฉันก็อยากเป็นนกบ้างในบางครา.......

ฉันก็อยากบินถลา..ร่อนหายไป ให้สุดขอบฟ้า.

ขอบคุณภาพนก จาก


วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ถามหัวใจ




ท้องฟ้าวันนี้มืดมัว
เสียงฟ้าคำรามหรือระเบิดทำลายล้าง ต้องเงี่ยหูฟัง
ยังต้องมานั่งถกเถียง..เสียงฟ้าหรือยมทูตกระทืบเท้ามารับใครกัน?

และสุดท้าย ฟังเสียงหัวใจตัวเอง
บางทีระรัว รื่นเริง บางทีหวั่นไหว หวั่นใจ ไม่เป็นจังหวะ
บางทีสงบ เยือกเย็นและเย็นชา ไร้รู้สึกลึกซึ้ง


บางวันถามหาความรัก และคิดถึง
บางวัน..ถามหัวใจว่า..จะอ่อนไหวไปเพื่ออะไร?
บางเวลา...ถามตัวเองว่า...กำลังยึดมั่นกับภาพมายา ที่ปรุงแต่งเกินไปไหม?

คำตอบ..ทั้งๆที่รู้อยู่...สุข ทุกข์ เกิดขึ้น และดับหาย

....ไม่ช้า ก็เร็ว...



(หลังจากห่างเหินกวีไร้กรอบมานานนักหนาคิดถึง...จึงมานั่งรำพึงรำพัน เรียงร้อยคำเสียบ้าง ก่อนจะลืมหายไปจากความตั้งใจ)

บันทึกวันถามหัวใจ จาก เมืองชายแดน ดอกชบาบาน ปัตตานี
ภาพถ่าย ดอกลีลาวดี ริมห้องสมุดศูนย์ครูใต้




วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เส็งเคร็ง



เรื่องราวของคน...

บางครั้ง..เรียบเรื่อย ดั่งสายน้ำ
บางครั้ง..ผาดโผนดุจเสือร้าย

บางวัน..ผ่านไปอย่างสงบ เบิกบาน
บางวัน..กดข่ม ความรุ่มร้อนในใจ

เป็นเช่นนั้นจริงๆ....

บ่อยครั้ง ปิดหูข้างขวา และปิดตาข้างซ้าย 
เพื่อหยุดความวุ่นวายทั้งภายนอกและภายในใจเราเอง

แต่ในบางวัน..จิตรุ่มร้อนเกินจะเก็บไหว เพราะ อ่านสายตาของคนได้ยังกับว่าได้อ่านหนังสือสักหนึ่งหน้า
เพราะ..ไม่เพียงแต่อ่านเขาออก แต่อ่านคนใกล้ชิดเขาได้ทะลุ..ไปถึงใครอีกคน

จำเป็นต้องพูดให้ได้ยินบ้าง แม้จะไม่ใช่เสียงสวรรค์ดังคนใกล้ชิดเขาพูด..แม้จะชี้นกเป็นนกไม่ได้ เหมือนดังเช่นคนของเขาที่สามารถชี้นกให้เป็นไม้..อย่างน้อยก็สมามารถทำให้เราได้แลเห็น..สิ่งที่ซ่อนอยู่ได้ชัดเจนมากขึ้น

หากจะถูกกล่าวหาว่า..เสนอหน้าแย่งงานทำกันละก็...ขอให้รู้ว่า มีที่มาที่ไป...ทำไมไม่ถามหาเหตุกันหน่อย แต่สังคมไทยมักเป็นเช่นนี้..นายมักฟังคนพูดมากกกว่าคนทำ ไม่แปลกคุณสามารถหาได้ในทุกสังคมที่มีนายขาดความยุติธรรม.......ทำให้..อดคิดไม่ได้ว่า..หากคุณไม่ใช่เลขาที่รัก..อย่าสะเออะไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้ใคร..แม้แต่ตัวเอง..ที่นี่ก็เป็นอีกสังคมที่มีลูกน้องไม่ทำงาน..แต่เป็นได้ทั้งนกสองหัว จิ้งจกหลากสี หรือขุนพลอยพยัก..เก่งในการหาข้อมูลรายงานนายตั้งแต่เรื่องงานยันใส่ไฟคนอื่น และเขาก็เชื่อเช่นนั้น...ช่างเหมาะสมกันจริงๆ จนเริ่มเข้าใจ เห็นภาพได้ชัดเจนและเชื่อคำครหาของผู้คนที่ได้ฟังมานาน

นอกจากนี้..ยังสามารถประเมินความสัมพันธ์..ระหว่างคน ๓ คน ดุจห่วงโซ่ที่ยึดติดกัน...แต่ในคน ๓ คน ใครคือ..ผู้ชักใย ใครเป็นเครื่องมือบ้าง..ใครคือเหยื่อและใครคือเป้าหมายระเบิดตัวจริง บางที เขาทั้ง ๓ คนคือบ่อนทำลาย เพียงเพราะเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มคนของตัวเอง..หรือเราจะคิดอะไร..ไปกันใหญ่ ??...

ความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ และคาดหวังว่า..เขายังมีดี ได้คลายคลอน ที่เคยคิด..ปากว่าตาขยิบ และแท้ที่จริง เขา..เป็นเนื้อเดียวกันกับคนชั่วก็ชัดเจน

ประเทศไทยถึงมีแต่ความวุ่นวายเพราะผู้ก่อการดีดีมีน้อยกว่าผู้ก่อการร้าย...
หรือเพราะเจ้าหน้าที่..เอาแต่ได้เช่นนี้มีอยู่เยอะจริงๆ..โจรใต้ถึงเกิดและอ้าง..ว่าเจ้าหน้าที่เอารัดเอาเปรียบ

บ่นเรื่อยเปื่อย..

เมื่อ..เราไม่มีทางหนีสังคมเส็งเคร็งได้จริงๆ..

.แต่จะทำใจยอมรับ..คนจำพวกนี้ได้นานเท่าใด...คงต้องตามอ่านใจตัวเองต่อไป