วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ครั้งหนึ่ง..ของชีวิต


ก่อนที่ผู้เขียนมายืนอยู่ในบริเวณลานพระราชบิดา ในโรงพยาบาลศิริราช ผู้เขียนได้ทบทวนถึงกิจกรรมทำเพื่อพ่อที่เคยทำและจะทำต่อไป คุยกับเพื่อนบางคนว่า..บางอารมณ์ไม่อยากไปร่วมกับเพื่อนๆ อยากอยู่เงียบๆ เอ่ยคำจงรักภักดี ถวายพระพรอยู่ในใจหรือผ่านสังคมออนไลน์เช่นทุกๆปี


ครั้นเมื่อไปยืนอยู่หน้าตึกเฉลิมพระเกียรติ ลานพระราชบิดา พนมมือแหงนหน้าขึ้นไปยังยอดตึกระลึกอยู่ในใจ ถวายพระพร ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มภัยแด่องค์ภูมินทร์ ทำให้รู้สึกว่าตัดสินใจถูกต้องดีแล้วและจะไม่ให้พลาดโอกาสสำคัญของชีวิตแน่นอน

ท้องฟ้าเริ่มสลัว ผู้คน ประชาชนของพระเจ้าแผ่นดิเริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่บริเวณลานราชพระบิดา

สายลมพัดเอาความเย็นมาสัมผัสกาย สัมผัสใจเป็นระลอก

คุยกับประชาชนของพระองค์ซึ่งบ้างก็ว่าเพิ่งมาปีแรก บ้างก็ว่ามาทุกปีจนกระทั่งรู้จักและสนิทกับนายทหารองครักษ์ของพระองค์ บ้างก็มาจากต่างจังหวัด เช่นครอบครัวที่ผู้เขียนนั่งคุยด้วย มาจากจังหวัดอ่างทอง ๓ คนพ่อแม่ลูก มาเป็นปีที่ ๒ แล้ว เล่าว่าปีที่แล้วได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์เพียงเล็กน้อยตอนพระองค์ประทับรถและเคลื่อนออกจากรพ.ศิริราช และคราวนี้แม้จะเพิ่งผ่านวิกฤติน้ำท่วมบ้านเขาก็ยังมาอีกเพื่อให้ได้ร่วมถวายพระพรได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์อย่างใกล้ชิด ด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและมีความจงรักภักดีที่มีต่อในหลวง ผู้เขียนพูดคุยด้วยก็รู้สึกตื้นตันใจเกินจะบรรยาย

สามคนพ่อแม่ลูก มาจากจังหวัดอ่างทอง
เขาทั้งสามคนพ่อแม่ลูก..เฝ้าคอยมองขึ้นไปยังยอดตึกเฉลิมพระเกียรติและพูดคุยกันตลอดเวลา จนกระทั่งเสียงที่ผู้เขียนได้ยิน..ลูกชายพูดว่าห้องปิดไฟแล้ว ท่านคงนอนแล้ว ผู้เขียนจึงแหงนมองตามขึ้นไปไฟบนยอดตึกดับลงแล้วจริงๆ เขาจึงเริ่มเตรียมที่นอนบนเสื่อผืนเล็กๆและผ้าห่มผืนบางๆให้ลูกชาย



ช่วงเวลาใกล้ค่ำ ประชาชนผู้มาพักค้างที่ลานพระราชบิดา ซึ่งมีทั้งพระสงฆ์และแม่ชี ได้ร่วมกันสวดมนต์และถวายพระพรเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผู้เขียนและเพื่อนๆก็เข้าร่วมกิจกรรมกับเขาด้วย ด้วยความรู้สึก..ครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ เป็นบุญเหลือเกินที่มีโอกาสได้ตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณแด่องค์พ่อแห่งแผ่นดินแม้ไม่ได้แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งที่พ่อหลวงได้ทรงทำให้กับคนทั้งแผ่นดิน




ยิ่งดึก ลมพัดแรงอากาศยิ่งหนาว ประชาชนที่มาเฝ้ารอบ้างก็ได้หลับนอนพักผ่อนโดยไร้ความกังวลอื่นใด ซึ่งผู้เขียนได้ยินเขาว่าได้มานอนอยู่ใกล้ๆแบบนี้ก็อุ่นใจสบายใจที่สุดแล้ว บ้างก็คอยเดินตระเวณหาที่หาทางเพื่อได้เข้าไปรอรับเสด็จพระองค์อย่างใกล้ชิดที่สุด เพื่อได้เห็นพระองค์ในระยะใกล้ๆ บ้างก็นั่งพูดนั่งคุยกันในเรื่องเกี่ยวกับพระองค์โดยไม่รู้เบื่อหน่าย








ยามดึกสงัด สายลมยังไม่ลาแรง ด้วยความเหนื่อยอ่อน บ้างก็หลับใหลเอาแรงโดยมีพระองค์ภูมิพลเป็นพ่อผู้คุ้มภัย



ภาพนี้ผู้เขียนเก็บภาพมาด้วยสัมผัสถึงความตั้งใจ ด้วยความจงรักภักดี ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของประชาชนข้ารองบาทของพระเจ้าแผ่นดินและผู้เขียนมั่นใจว่าเป็นภาพที่สะท้อนถึงความรักออกมาอย่างชัดเจนทีเดียวสำหรับผู้ที่ได้เจอ






บรรยากาศยามเช้าตรู่ อากาศหนาวเพราะแรงลม ผู้คนเริ่มทะยอยกันเข้ามาจับจองพื้นที่ยังมีเหลือหน้าบริเวณตึกแพทยศาสตร์ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าออกของขบวนเสด็จจนเต็มพื้นที่ เสียงเพลงสดุดีพ่อหลวงกระหึ่มขึ้นมาเป็นครั้งคราวสลับกับเสียง..ทรงพระเจริญ

บรรยากาศยามเช้าตรู่ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔

เวลา ๙.๔๕ น.ทหารองครักษ์ตั้งแถวประจำตำแหน่งเพื่อรักษาความปลอดภัย ประชาชนที่เฝ้ารอต่างชะเง้อรอเพราะเกรงว่าจะพลาดช่วงเวลาสำคัญ ผู้เขียนเองละมือจากกล้องขอไม่ถ่ายภาพในช่วงเวลาที่พระองค์เคลื่อนขบวนออกมา เพราะเกรงว่าพลาดโอกาสได้แลเห็นพระพักตร์ของพระองค์ได้อย่างชัดเจน
เมื่อราชพาหนะของพระองค์ได้เคลื่อนมาใกล้ถึงต่างคนต่างลุกชันเข่าเพื่อได้เห็นพระองค์และกล่าวคำถวายพระพรแด่พระองค์ดังว่าจะให้พระองค์ได้ยินและแลเห็นด้วยเช่นกัน แม้เพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ไม่กี่วินาทีที่ได้แลเห็นผ่านกระจกรถ น้ำตาของความตื้นตันและปลาบปลื้มหล่อรื้นดวงตาเกินจะกลั้นไว้ได้ 

ครั้งแรกและครั้งหนึ่งของชีวิต ครั้งสำคัญที่ผู้เขียนขอจดจำทั้งน้ำตา น้ำตาด้วยความปลาบปลื้มน้ำตาแห่งความสุขที่มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีของในหลวงของเรา และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์



ทั้งชาตินี้ ชาติหน้าหรือชาติไหนข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมถวายความจงรักภักดีเป็นลูกของพ่อหลวงองค์ภูมิพลสืบไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ



วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พระราชดำรัส พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับครู


  พระราชดำรัส พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่คณะครู

 “ ถ้าครูไม่ห่วงประโยชน์ที่ควรจะห่วง หันไปห่วงอำนาจ ห่วงตำแหน่ง ห่วงสิทธิ์ และห่วงรายได้กันมากเข้า ๆ แล้ว จะเอาจิตเอาใจที่ไหน มาห่วงความรู้ ความดี ความเจริญของเด็ก
ความห่วงในสิ่งเหล่านั้น ก็จะค่อย ๆ บั่นทอนทำลายความเป็นครูไปจนหมดสิ้น จะไม่มีอะไรเหลือไว้ พอที่ตัวเองจะภาคภูมิใจ หรือผูกใจใครไว้ได้ ความเป็นครูก็จะไม่มีค่าเหลืออยู่ให้เป็นที่เคารพบูชาอีกต่อไป ”

             พระราชดำรัสแก่ครูอาวุโส ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันเสาร์ ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๑


            “......ครูที่แท้จริงนั้นต้องเป็นผู้ทำแต่ความดี คือ ต้องหมั่นขยันและอุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ ต้องหนักแน่นอดทน และอดกลั้น สำรวม ระวังความประพฤติปฏิบัติของตน ให้อยู่ในระเบียบ แบบแผนที่ดีงาม รวมทั้งต้องซื่อสัตย์ รักษาความจริงใจ วางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ…...”

             พระราชดำรัส พระราชทานแก่ครูอาวุโส ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๓


                 “.....ครูจะต้องตั้งใจในความดีอยู่ตลอดเวลา แม้จะเหน็ดเหนื่อย เท่าไรก็จะต้องอดทน
เพื่อพิสูจน์ว่าครูนี้เป็นที่เคารพสักการะได้ แต่ถ้าครูไม่ตั้งตัวในศีลธรรม ถ้าครูไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่
 เด็กจะเคารพได้อย่างไร……”   
          
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะครู โรงเรียนราษฎร์ทั่วราชอาณาจักร ณ ศาลาผกาภิรมย์ ๘ พฤษภาคม ๒๕๑๓

               “...ครูนั้นจะต้องให้ความรู้แก่เด็ก ๆ ด้วยความเมตตา ด้วยความหวังดี คือ ด้วยความเมตตาต่อผู้ที่เป็นลูกศิษย์ และด้วยความหวังดีต่อส่วนรวม เพราะถ้าส่วนรวมประกอบด้วยบุคคล ที่มีความรู้ดี ส่วนรวมก็ไปรอด....”

               พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะ อาจารย์และนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๑๓




                 “…… ผู้ที่เป็น ครู จะต้องนึกถึงความรับผิดชอบ เพราะว่าถ้าเป็นครูแล้ว ลูกศิษย์จะต้องนับถือได้ ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับที่เป็นครู ไม่ใช่วางตัวอย่างหนึ่งแล้วมาสอนอีกอย่างหนึ่ง ….”

                 พระราชดำรัส พระราชทานเนื่องในวันการศึกษาสัมพันธ์ ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ๑๕ มีนาคม ๒๕๑๒


                   “... ผู้ที่เป็นครูอาจารย์นั้น ใช่ว่าจะมีแต่ความรู้ในทางวิชาการและในทางการสอนเท่านั้นก็หาไม่ จะต้องรู้จักอบรมเด็กทั้งในด้านศีลธรรม จรรยาและวัฒนธรรม รวมทั้งให้มีความสำนึกรับผิดชอบในหน้าที่ด้วย…. ”

                  พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร วิทยาลัยวิชาการศึกษา 
๑๕ ธันวาคม ๒๕๐๓       

           
                    “...มหาวิทยาลัย มุ่งสั่งสอนนักศึกษาให้เป็นคนเก่ง ซึ่งเป็นการดี แต่นอกจากจะสอนให้เก่งแล้ว จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะอบรมให้ดีพร้อมกันไปด้วย ประเทศเราจึงจะได้คนที่มีคุณภาพพร้อมคือ ทั้งเก่งและทั้งดีมาเป็นกำลัง ของบ้านเมือง…. ”   
             
                    พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะผู้บริหาร และสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ณ ศาลาดุสิดาลัย ๓ ตุลาคม ๒๕๓๓


                   “…… การศึกษาเป็นเครื่องอันสำคัญในการพัฒนา ความรู้ ความคิด
ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยมและคุณธรรมของบุคคล เพื่อให้เป็นพลเมืองดีมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เมื่อบ้านเมืองประกอบไปด้วยพลเมืองที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศชาติก็ย่อมทำให้ได้โดยสะดวกราบรื่น ได้ผลที่แน่นอนและรวดเร็ว … ”

                   พระราชดำรัส พระราชทานแก่ครูใหญ่ และนักเรียน ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๐

                     “...งานด้านการศึกษาเป็นงานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้นขึ้น อยู่กับการศึกษาของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ จึงต้องจัดการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น....”

                พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๒

ขอบคุณข้อมูล

ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนตและเว็บไซด์เจ้าพระยานิวส์

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ที่สุดของคน..ผู้มาเยือนและจากไป


สัจธรรม เป็นความจริงในการดำเนินชีวิต หลายๆแง่มุม ที่เรามักจะหลงลืม 
เพราะหลงลมอยู่กับภาพมายาที่ผ่านเข้ามาหลอกล่อให้เราเดินหลงทาง 

บ่อยครั้งที่ผู้เขียนเผลอใจเดินทางผ่านเข้าไปจมจ่อมกับความงดงามของมายาภาพที่ปรุงแต่งด้วยตัวเอง
และจากบุคคลอื่นๆอยู่เสมอ 
แม้บางครั้งสติมาปัญญามี
แต่หลายครั้งทีเดียวที่เดินวนแล้ววนอีก 
สูดดมความหอมหวล
ของกลิ่นที่ปรุงแต่งเองอย่างโง่งม 
กว่าจะรู้ว่าที่แท้มันเป็นกลิ่น
ของดอกอุตพิดก็สายไปแล้ว

น้องชายกัฟ Natapong Parkpean โพสต์เพลงนี้ผ่านFacebook และผู้เขียนก็ผ่านไปฟัง ฟังแล้วก็รู้สึกเศร้า..ความจริงในชีวิตประจำวันของเรา บางครั้งบางคราวเราได้ละเลยที่จะใส่ใจ..และลืมตัว

เนื้อเพลง ที่สุดของคน

วงล้อเวลา ไม่เคยอ่อนล้าหยุดลง
หมุนวนมั่นคง ดำรงอยู่ตลอดมา
ทุกยามค่ำคืน หลายคนยังคอยตื่นตา
รอแสงจากฟ้า ไล่เงามัวพร่าในใจ
ที่สุดของคน ในสายตาของพระเจ้า
ชีวิตเหน็บหนาว และช่างแสนสั้นเกินไป
คล้ายดังธุลี จากโคนหญ้าถึงปลายใบ
ลมจะพัดไป ยังแห่งหนใดไม่รู้ทิศทาง
แม้อำนาจวาสนา พาชื่อเสียงลอยเด่นไกล
ก็แค่ฝากความภาคภูมิใจ ไว้ชั่วครั้งคราว
เราเป็นเพียงผู้มาเยือนโลกใบนี้... แล้วจากไป
ไม่มีใคร ครอบครองสิ่งใด... ได้จริง
ท้ายสุดของคน ที่วนในล้อเวลา
แลกด้วยน้ำตา กับราคาของความเดียวดาย
คงไม่เนิ่นนาน ฉันจะปลดเกลียวสุดท้าย
ที่ควั่นจะคลาย และเพลงบทนี้จะไม่ยืดยาว



ด้วยเนื้อเพลงและอารมณ์ที่พาไปพร้อมกับทำนอง ดนตรี ชวนให้รู้สึกเศร้าในใจ 

ชีวิตเหน็บหนาว และช่างแสนสั้นเกินไป
คล้ายดังธุลี จากโคนหญ้าถึงปลายใบ
ลมจะพัดไป ยังแห่งหนใดไม่รู้ทิศทาง
แม้อำนาจวาสนา พาชื่อเสียงลอยเด่นไกล
ก็แค่ฝากความภาคภูมิใจ ไว้ชั่วครั้งคราว
เราเป็นเพียงผู้มาเยือนโลกใบนี้... แล้วจากไป
ไม่มีใคร ครอบครองสิ่งใด... ได้จริง


เมื่อเราเกิดมา เราก็มาตัวเปล่า 
แล้วเราก็ปรุงแต่งให้ตัวเองดูดีด้วยการใส่หัวโขนแสดงบทบาทไปตามหน้าที่
บ่อยครั้งที่เรา..ลืมตัว หลงตัว หลงรูป หลงในอำนาจ ชื่อเสียงและทรัพย์ของตัวเอง 
หลงลืมว่า..เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

หลงลืมว่า ภาพมายาคติเหล่านั้นเป็นทั้งมิตรและศัตรู

และที่สุดเราก็จะจากกัน บางครั้งจากไปทั้งที่ยังมีลมหายใจ
บางครั้ง..ลมหายใจหมดลงและบอกลากันไปคนละทาง
ทิ้งไว้แต่ซากของชีวิต


 ...ท้ายสุดของคน ที่วนในล้อเวลา
 แลกด้วยน้ำตา กับราคาของความเดียวดาย
 คงไม่เนิ่นนาน ฉันจะปลดเกลียวสุดท้าย
 ที่ควั่นจะคลาย และเพลงบทนี้จะไม่ยืดยาว.

พระราชดำรัสเกี่ยวกับความสุขในการดำเนินชีวิต






เนื่องในวโรกาส วันพ่อแห่งชาติ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
แผ่นดินนี้เราจองขอร่วมเผยแพร่พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพแด่องค์ภูมิพล อดุลยเดช


********************************


.จิตใจและความประพฤติที่สะอาดและมีระเบียบ เป็นรากฐานสำคัญของชีวิต ทั้งจิตใจทั้งความประพฤติดังนั้นใช่จะเกิดมีขึ้นเองได้ หากแต่จำต้องฝึกหัดอบรมและสนับสนุนส่งเสริมกันอย่างจริงจังสม่ำเสมอ นับตั้งแต่บุคคลเกิด ดังที่มนุษย์ไม่ว่าชาติใดภาษาใดได้เฝ้าพยายามกระทำสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรักษาตัวและมีความสุขความสำเร็จในการครองชีวิต ทั้งให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ด้วยความผาสุกสงบ ดังนั้น ถึงแม้เราจะอยู่ใน ท่ามกลางความเจริญรุดหน้าแห่งยุคปัจจุบันอย่างไร เราก็ทอดทิ้งการศึกษา ทางด้านจิตใจและศีลธรรมจรรยาไปไม่ได้ ตรงข้าม เราควรเอาใจใส่สั่งสอนกันให้หนักแน่นทั่วถึงยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความคิดความเข้าใจถูกต้องสอดคล้องกับสภาพการณ์แวดล้อมทั้งหลายที่วิวัฒนาไปไม่หยุดยั้ง. . .

พระราชดำรัส
พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดสัมมนา เรื่อง "การพัฒนาสังคมในด้านศีลธรรมและจิตใจ"
ซึ่งสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยจัดให้มีขึ้น
ณ โรงแรมนารายณ์ กรุงเทพมหานคร
วันเสาร์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๖


.การศึกษาเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญยิ่งของมนุษย์ คนเราเมื่อเกิดมาก็ได้รับการสั่งสอนจากบิดามารดา อันเป็นความรู้เบื้องต้น เมื่อเจริญเติบโตขึ้นก็เป็นหน้าที่ของครูและอาจารย์สั่งสอนให้ได้รับวิชาความรู้สูง และอบรมจิตใจให้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรม เพื่อจะได้เป็นพลเมืองดีของชาติสืบต่อไป. . .

พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตและนักศึกษาวิทยาลัยวิชาการศึกษา
วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๐๕


สังคมและบ้านเมืองใดให้การศึกษาที่ดีแก่เยาวชนได้อย่างครบถ้วนล้วนพอเหมาะกันทุกๆ ด้าน
สังคมและบ้านเมืองนั้นก็จะมีพลเมืองที่มีคุณภาพ 
ซึ่งสามารถธำรงรักษาความเจริญมั่นคงของประเทศชาติไว้ และพัฒนาให้ก้าวหน้า ต่อไปได้โดยตลอด 
ผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาทุกๆ คนจึงต้องถือว่า 
ตัวของท่านมีความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองอยู่อย่างเต็มที่ ในอันที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เที่ยงตรง 
ถูกต้อง สมบูรณ์โดยเต็มกำลัง จะประมาทหรือละเลยมิได้ 
เพราะถ้าปฏิบัติให้ผิดพลาดบกพร่องไปด้วยประการใดๆ ผลร้ายอาจเกิดขึ้นแก่ส่วนรวม
และประเทศชาติได้มากมาย ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันสร้างเสริมรากฐานชีวิตอันแข็งแรงสมบูรณ์ให้แก่เยาวชน ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และความรู้ความฉลาด 
สำคัญที่สุด จะต้องฝึกฝนอบรมให้รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักตัดสินใจด้วยเหตุผล และรู้จักสร้างสรรค์ตามแนวทางที่สุจริตยุติธรรม. . .

พระบรมราโชวาท
พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียนที่ได้รับพระราชทานรางวัลฯ
ณ ศาลาดุสิดาลัย
วันจันทร์ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๒๔


ความเจริญนั้น ต้องพร้อมด้วยเครื่องมือเครื่องใช้ประการหนึ่ง วิชาความรู้ประการหนึ่ง
และจิตใจสูงประการหนึ่งคือถ้าเราต้องการจะทนุบำรุง ส่งเสริมกำลังของเราให้เข้มแข็ง 
เมื่อเรามีเงิน ก็จะจัดซื้อหาเครื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ นานาชนิดที่มีคุณภาพดี 
มาเพิ่มพูนให้มากยิ่งขึ้นเพียงใด ก็ย่อมจะทำได้ หรือถ้าเราต้องการจะส่งเสริม 
สมรรถภาพในทางความรู้ วิทยาการ ใดๆ ให้ทันเทียมกับอารยะประเทศ เราก็จัดส่งคนของเรา 
ให้ออกไปศึกษาค้นคว้า และหาอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบวิทยาการแผนใหม่ๆ 
ในต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ปรับปรุงส่งเสริมสมรรถภาพของเรา ให้เจริญเทียมทันเขาได้ 
ซึ่งความเจริญดั่งกล่าวมาแล้วนี้ เราสามารถจะซื้อหาด้วยเงินได้ แต่ความเจริญทางจิตใจนั้น 
เราจะซื้อด้วยเงิน เป็นจำนวนเท่าใดๆ ไม่ได้ ความเจริญทางจิตใจนี้ จึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งนัก 
เพราะเป็นหน้าที่ของแต่ละคน ที่จะต้องทำตัวของตนเองให้ดี เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม. . .

พระบรมราโชวาท
ในวันพิธีสวนสนาม และพระราชทานธงชัยประจำกองโรงเรียนตำรวจภูธร ภาค ๔


ท่านทั้งหลายควรจักได้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม ที่จะปฏิบัติงานประสานกับบุคคลอื่นฝ่ายอื่นอย่างขะมักเขม้นและฉลาดเหมาะสม. ในการนี้ ท่าน จะต้องทำความคิดและจิตใจให้เปิดกว้าง แต่หนักแน่น มีเหตุผล มีวิจารณญาณ. พร้อมกันนั้น ก็ต้องมีความจริงใจ เห็นใจ และเมตตาปรองดองกัน โดยถือประโยชน์ส่วนรวมร่วมกันเป็นวัตถุประสงค์เอก. ที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง จะต้องพยายามขจัดความดื้อรั้น ถือตัว ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนน้อยออกให้ได้ ไม่ปล่อยให้เข้ามาครอบงำทำลายความคิดจิตใจที่ดีงามของตน. แล้วท่านจะสามารถปฏิบัติการงานทุกอย่างได้ด้วยความราบรื่น เบิกบานใจ อย่างมี ประสิทธิภาพ และประสบผลสำเร็จตามที่ปรารภปรารถนาทุกสิ่งในที่สุด. . .

พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร แก่บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันเสาร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙

.ในชีวิตทุกวันๆ ก็ได้มีโอกาสเข้าโรงเรียน ก็หาความรู้ แล้วมีโอกาสที่จะได้เห็นชีวิตของตัวเองและของคนอื่น ขอให้ถือว่าเป็นอาหารทั้งนั้น เป็นอาหารสมอง และเมื่อได้รับอาหารแล้ว ให้ไปพิจารณา คือไปไตร่ตรอง ไปคิดให้ดี ถ้าทำเช่นนี้แล้ว ทุกคนจะสามารถที่จะสร้างตัวเองให้แข็งแรง เพื่อที่จะทำประโยชน์แก่ตนเอง สร้างบ้านเมือง สร้างท้องที่ของตัว สร้างตนเองให้เจริญตามที่ทุกคนต้องการ. . .

กระแสพระราชดำรัส
พระราชทานแก่คณะเยาวชนชายหญิงจากถิ่นทุรกันดาร
ในเขตปฏิบัติการของหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ต่างๆ รวม ๒๔ จังหวัด พร้อมด้วยพี่เลี้ยงและเจ้าหน้าที่
ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต
วันศุกร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๑๖

ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเว็บไซด์