วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เมื่อตะวันยิ้มฉันก็จะยิ้ม

ขอบคุณภาพจาก บอร์ด Trekkingthai "ฝนละเมอ"


เสียงเม็ดฝนยังคงดังเปาะแปะอยู่ด้านนอก
เสียงภายในบ้านฉันสงบจากสิ่งบันเทิงใดๆ
แต่เสียงภายในหัวใจฉันระรัวด้วยอารมณ์ที่กำลังต่อสู้กันเอง

......ทั้งรักและชัง...
ทั้งอยากหลีกหลบหนีไปจาก..ผู้คนที่รายล้อมอยู่มากมายหรือใครสักคน

บ่อยครั้งที่อยากหนีความตั้งใจเดิมๆ 
อยากทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อให้สังคมได้อยู่อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
แต่บางที..หลายสิ่งหลายอย่าง และคนบางคน ผ่านมากระทบจิต
ให้สะเทือน สั่นไหว และอยากเดินจากไป

บางครั้ง ความเข้มแข็งที่เคยมีมันเปราะและบางเบาจนหวั่นไหว
น้ำตา..ช่วยชะล้างและปลอบโยนบ้างในบางที
แม้จำต้องลุกขึ้นสู้..และมันก็ผ่านไปได้อีกสักครั้ง
ก็ยังมีอีกวัน..ที่ฉันแอบสะอื้นให้กับความอ่อนแอของตัวเอง

เสียงเม็ดฝนเงียบสงบลงพร้อมๆกับเสียงสะอื้นของตัวเอง

หมดเวลาของสายฝน
หมดเวลาของความเศร้าหมอง

เมื่อแสงตะวันโผล่มายิ้ม
ฉันก็พร้อมจะยิ้มทักทายผู้คนอีกครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เก็บบันทึกวันวานใส่BLOG




บางสิ่ง ที่เห็นและเป็นอยู่..ใช่ว่าจะรับได้นะ
แต่บางที..ที่ยังวางเฉยบ้าง ไม่ใช่ไม่รู้สึกรู้สา
เพียงแต่ฝึกที่จะอดทนและถอยมายืนในระยะที่ปลอดภัย เท่านั้นเอง.

บันทึก ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗

ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต



นอกจากเวลาที่ผ่านไปวันแล้ว วันเล่า
นอกจากการเดินผ่านผู้คนมากมาย...การเก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างทาง
การได้บันทึก..เวลาและผู้คนไว้ในความทรงจำ
บางที..ก้าวผ่านไปบ้าง บางทีหยุดพักทักทาย และเก็บความรู้สึกดีๆ ไว้อมยิ้มในวันว่างๆ
หรือแม้แต่บางที..กอดความเศร้าไว้มากเกินความจำเป็น
....สิ่งต่างๆ เหล่านั้น เก็บไว้เป็นทุน เพื่อก้าวต่อไป
เพื่อปรับจิตให้สมดุล..
เพื่อปรับทุกความเคลื่อนไหว..ให้สงบภายใต้ความเลวร้ายของคนในสังคม

...มองคนรอบข้างอย่างมีสติ แล้วจะมองเห็น..ธรรมะ-ชาติ 
กิเลสที่ฝังตัวอยู่อย่างเหนียวแน่นอยู่อย่างนั้น
..จิตที่โกรธ เกลียดชัง ของเราจะลดความรุนแรงด้วยความเข้าใจธรรมะ-ชาติของแต่ละคน....
และบางทีอาจกลายเป็นเวทนาเขา ซึ่งนั่นก็ฟังดูน่ากลัว 
เพราะ มันย้อนกลับมาทำร้ายเราเสียเอง....
การใช้ศิลปะ ในการอยู่อย่าง สงบและนิ่งตลอดเวลา 
จึงยากหากตามจิตตัวเองไม่ทัน

บันทึก ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗