วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

สวดมนต์ข้ามปี"เริ่มต้นดี ชีวิตดี"


เวลาผ่านไปอีกปีแล้ว เราก้าวผ่านเวลาไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้เขียน พยายามจะนึกย้อนเวลากลับไป..ซึ่งเป็นช่วงเวลาของความผิดหวัง สูญเสีย
เศร้าและเสียใจกับหลายสิ่ง หลายอย่างในชีวิต
และพยายามสร้างสิ่งใหม่มาชดเชย หรือทดแทน แต่สุดท้ายก็ล้มคะมำ พังทะลายในเวลาถัดมา

แม้ภาพความทรงจำในบางตอน..เลือนหาย แต่ภาพบางตอนแจ่มชัดจนนึกอยากร่ำให้กับภาพเหล่านั้น
และนั่นคือภาพแห่งความทรงจำในปีที่ผ่านมา

เริ่มต้นใหม่ กับปี ศักราชใหม่ แม้ยังไม่เห็นภาพอนาคตได้อย่างชัดเจน
แต่พยายามคิดบวก เริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นดี ชีวิตดี ดังเช่น คำขวัญของโครงการสวดมนต์ข้ามปี
ที่สนามหลวง เพื่อชีวิตดี
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่..องค์ภูมิพลอดุลยเดช พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย


ภาพวาด ชื่อ บ่อเกิดแห่งความสุข


ผู้เขียนตั้งใจว่าจะทำดังนั้น แอบชวนเพื่อน พี่น้อง 2-3 คน และสุดท้ายเหลือเรา 2 คน พี่นก อมรทิพย์ อมรรัตนานนท์ การคิดทำความดี ดูเหมือนมีมารคอยผจญอย่างใครๆว่าไว้จริงๆ ช่วงเวลากลางวันของวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ผู้เขียนรู้สึกร่างกายกำลังย่ำแย่ มีอาการปวดหัว ตัวร้อนเหมือนไข้ขึ้น นั่งไม่ไหวเลยทีเดียว อีกประมาณชั่วโมง ก็ได้เวลาออกจากบ้าน ผู้เขียนรู้สึกกังวลจะทำอย่างไรดี..นัดพี่นกไว้แล้วด้วย และเรากำลังจะไปทำความดี ทำไมเราต้องเป็นแบบนี้ จะไหวไหมนะ..??ผู้เขียนล้มตัวลงนอนขอหลับตาสักครึ่งชั่วโมง และหลังจากนั้นฮึดสู้กับตัวเอง

ในที่สุดเราก็เจอกันที่สนามหลวง เดินฝ่าผู้คนจำนวนมากมาย โดยที่ผู้เขียนรู้สึกอึดอัดมากมาย กับบรรยากาศท่ามกลางฝูงชน อาการปวดหัวยังไม่ดีขึ้น แต่ก็อดทน หลังจากไปลงทะเบียนรับหนังสือสวดมนต์แล้ว เมื่อแสงแดดเริ่มอ่อนแรง เราเริ่มเข้าไปจับจองที่นั่งในที่ๆ แดดร่มลมเย็นตั้งแต่สี่โมงเย็น ตอนนั้นผู้คนด้านในสนามหลวงยังบางตา


ความอดทนในบางสิ่งบางอย่าง..ย่อมสุดยอดเสมอ ถ้าเราตั้งใจ เราไม่รู้สึกว่าต้องอดทน เราไม่รู้สึกว่ากำลังปวดหัวหรือเบื่อหน่ายกับการรอคอยเวลาที่แสนยาวนาน



เวลาพิธีการจริงๆ เริ่มประมาณหนึ่งทุ่ม ฟังธรรมะบรรยาย สวดมนต์ช่วงที่หนึ่งผ่านไปท่ามกลางสายลมอ่อนๆ ไม่น่าเชื่อกับสายตาตัวเอง ผู้คนมาร่วมทำความดีกันมากมายจริงๆ ทั้งวัยรุ่น วัยทำงานและผู้สูงอายุ ทะยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีขาดสาย พี่ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว และ คุณมาลีวัลย์ เจมิน่า ยึดช่วงธรรมะบันเทิงด้วยเสียงเพลงธรรมะ

และการสวดมนต์ข้ามปีช่วงที่2เริ่มต้น..ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศบริเวณนั้นชั่วขณะ เสียงสวดมนต์จากวัดใกล้เคียงลอยแว่วๆมา พระสงฆ์บนเวทีเริ่มนำสวดมนต์ เสียงสวดมนต์เริ่มกึกก้อง แต่เสียงในจิตของเราเริ่มนิ่ง สงบ ไม่ได้ยินสรรพเสียงใดๆ นอกจากเสียงของตัวเอง
คือสมาธิ ความสงบ ความสุข...และจิตโล่งโปร่งสบาย..ที่สัมผัสได้จริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น: