วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๖





ห้วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันแล้ว วันเล่า ปีแล้ว ปีเล่า
สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น ดับหาย บ้างก็ทุกข์ บ้างก็สุข บ้างก็ยิ้มได้ บ้างก็หัวเราะ 

บ้างก็แอบกรีดน้ำตาให้กับความอ่อนแอ

ซึ่งทุกสิ่งเป็นไปตามวัฎจักรของชีวิต
ไม่มีทุกข์นิรันดร์ ไม่มีสุขทั้งชีวิต



บางครั้งดีใจที่ได้คิดทำเรื่องราวดีๆ กับคนส่วนใหญ่ 
บางครั้งเสียใจที่ได้ทำร้ายจิตใจโดยไม่ตั้งใจ แม้เพียงคนๆเดียว


นับจากวันนี้ ซึ่งไม่รู้จุดหมาย..ว่าชีวิต คนๆหนึ่งจะอยู่ได้ถึงเมื่อใด

เพียงขอส่งความปรารถนาดี ถึงทุกๆชีวิต ที่ผ่านมาเยือน 
และผ่านไปทั้งที่ทักทายด้วยมิตรจิตอันดีและก่ออคติโดยมิตั้งใจ 
จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ ไร้โรคภัยเบียดเบียน 
สมปรารถนาในสิ่งที่วาดหวัง มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ 
แข็งแรงและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มภัยตลอดกาลนานเทอญ.

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

จิตเริงระบำ




วันแรกที่พอเห็นแสงพระอาทิตย์ หลังจากฟ้าหมองมาร่วมสัปดาห์
ฝนตกพรำๆ ฟ้าปิดตลอดเวลา บางครั้งพายุฝนก็ซัดลงมาอย่างไม่รั้งรอ
ทั้งซัดใจคน..กระจัดกระจาย มิอาจควบคุมได้

เช้าวันนี้..ยังพอได้ยินเสียงนกขับขานเพลงไพเราะ
ยังพอได้เห็นต้นหญ้าเริงระบำ..ตามจังหวะสายลมอ่อน
ต้นไม้น้อยใหญ่...ยืนหยัดอย่างสงบดั่งรอจังหวะ สะบัดกิ่งใบ

หยดน้ำค้าง..พร่างพรมยอดหญ้า..รอทักทายแสงแดดในยามสาย

จิตที่เคยแบกรับ..ความมัวหม่น ค่อยๆคลายลงตามจังหวะเวลา
ค่อยๆ ผ่อนลงตาม ความรู้สึกสำนึกได้

ผ่อนลมหายใจ..เข้าออก ยาวๆ ลึกๆ 
ระลึกตามจิตตัวเองให้ทัน...ผิดบ้าง ถูกบ้าง ช้าบ้าง เร็วบ้าง ทันบ้างไม่ทันบ้าง..ยังพยายามต่อไป

ก็จิตเรานี้..ซนเสมือนลิง กระโดดโลดเต้น ตลอดเวลา 
หลอกตัวเองบ่อยจนเผลอเรอ..พาจิตฟุ้ง..กระจาย

ทั้งเจ็บ..ทั้งระบม กว่าจะหอบเอาจิตกลับมาตั้งไว้ ณ จุดเดิม





วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ที่นี่ไม่มีครู


ชาติยืนยงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
และมั่นคง..
นอกจากเรามีแผ่นดินให้อยู่อาศัยอย่างอิสระและเป็นเอกราชสืบมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
เรามีพระเจ้าแผ่นดินเป็นพ่อ..แม่ของแผ่นดิน เป็นร่มโพธิ๋ ร่มไทรของปวงประชา เป็นประเพณีสืบทอดมาตั้งแต่โบราณกาล

เรามีทหารเป็นรั้วของชาติ ปกป้องคุ้มภัย ในทุกๆยามเมื่อชาติมีภัย เมื่อประชาชนต้องประสบกับความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิต


เรามีครูเป็นแม่พิมพ์ของชาติ เป็นความหวัง เป็นอนาคตของชาติทุกยุคทุกสมัย

เมื่อเราเป็นเด็ก..แม้ไม่เคยคิดฝันเป็นครู แต่ครูของเราเป็นครูด้วยจิตวิญญาณที่เรายังคงระลึกถึงด้วยความรัก ศรัทธาและบูชา..ครูทุกๆคน
ประสบการณ์ในวัยเด็กเคยสอนเราร่วมซ้อมหลบภัยเมื่อ จคม.ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวณชายแดน..ครูของเราในวันนั้นยังอยู่กับเรา กับชาวบ้าน ไม่ทิ้งเราไปไหนทั้งที่ในยุคสมัยนั้น..
เรียกว่าไกลปืนเที่ยงทีเดียว

แม้เราไม่เข้าใจบทบาทของทหารแต่เมื่อบ้านเมืองประสบภัย..การเมือง ความมั่นคง ปัญหาชายแดน หรือแม้แต่บ้านเมืองประสบปัญหาอุทกภัยอย่างรุนแรง ทหารคือกำลังหลัก ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญและองอาจ เสมอมา



ยุคเมื่อสมัยเราเป็นเด็กและยุคสมัยเราเป็นผู้ใหญ่..ความรู้สึกนึกคิด..จิตวิญญาณของผู้ปฏิบัติหน้าที่เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปมากหลายแง่หลายมุม หลายทัศนคติ



หลังจากสถานการณ์ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องสูญเสียบุคลากรครูไปหลายท่าน ทำให้ครูต้องตัดสินใจย้ายออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วนจำนวนมาก ทำให้โรงเรียนขาดครูชาวไทยพุทธ ทำให้นักเรียนขาดขวัญกำลังใจอย่างยิ่งยวด

ครูประกาศต่อหน้าผู้ปกครอง นักเรียนและฝ่ายรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงอย่างชัดเจน
"ขอให้นักเรียนอดทนอีก ๒ เดือน..สอบและปิดเทอม
ครูไม่ทิ้งนักเรียนแต่ครูขอไปก่อน"

ในห้วงเวลาวันเดียวกัน..ในสถานการณ์เดียวกัน

รั้วของชาติ ผู้เสียสละเวลา ครอบครัวและชีวิต ลุกขึ้นประกาศวอนขอครูเสียงดังฟังชัดเช่นกันว่า
"ในเมื่อขอให้นักเรียนอดทน..อีก ๒ เดือน..ในฐานะที่เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ขอให้ครูอดทนอยู่กับนักเรียนอีก ๒ เดือนเท่านั้น ฝ่ายรักษาความปลอดภัยจะคุ้มภัย  อย่างเข้มแข็ง อย่างดีที่สุด"

และแม่พิมพ์ของชาติ..ปฏิเสธอย่างแข็งขัน 

ผู้สังเกตการณ์อย่างเรา..รู้สึกประทับใจ ภูมิใจและมั่นใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายทหาร มั่นใจในความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงโดยไม่เกี่ยงงอนใดๆ พร้อมจะร่วมรับ ร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

และ..ผิดหวังแทนเด็กๆ รู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดต่อไปว่า..เราจะฝากอนาคตของชาติไว้กับใคร?

เยาวชนลุกขึ้นถามผู้ใหญ่ว่า..เมื่อไม่มีครู..ใครจะสอนหนู?


วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่




เศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ สองอย่างนี้จะทำความเจริญแก่ประเทศได้ 

แต่ต้องมีความเพียร
แล้วต้องอดทน 
ต้องไม่ใจร้อน
ต้องไม่พูดมาก
ต้องไม่ทะเลาะกัน

ทฤษฎีใหม่นี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ก็มาจากการปฏิบัติ ซึ่งเป็นการปฏิบัติของคนอื่นด้วยมาตั้งแต่ต้น ทฤษฎีใหม่นี้ ความจริงทางราชการได้ปฏิบัติมาหลายปีแล้วก่อนที่เกิดเป็นทฤษฎีใหม่ในพระราชดำริ คือการพัฒนาทางการเกษตรโดยเฉพาะปลูกหลายอย่างในที่เดียวกันหรือผลัดปลูกหมุนเวียน

เมื่อเป็นทฤษฎีใหม่แล้ว ก็มาเข้าเป็นเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง คนที่ทำนี้ต้องไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ฟุ้งเฟ้อ ได้เขียนไว้ในทฤษฎีนั้นว่าลำบากเพราะผู้ที่ปฏิบัติต้องมีความเพียรและต้องอดทน ไม่ใช่ว่าทำง่ายๆ
 ไม่ใช่บอกว่าเป็นทฤษฎีของในหลวงแล้วจะทำได้สะดวก  และไม่ใช่ว่าทำได้ทุกแห่ง ต้องเลือกที่ ถ้าค่อยๆทำไป ก็จะสามารถขยายความคิดของทฤษฎีใหม่นี้ไปได้โดยดัดแปลงทฤษฎีนี้ แล้วแต่สภาพของภูมิประเทศหรืออาจจะช่วยสภาพภูมิประเทศโดยเฉพาะหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม

พระราชดำรัส
พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าถวายชัยมงคล
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
วันศุกร์ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑
(จากหนังสือ คำพ่อสอน)

ขอบคุณภาพจาก อินเตอร์เนต


วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทุกข์ สุขเดินทางเป็นวงกลม

พญาเสือโคร่ง ดอยวาวี เชียงราย

ฤดูกาลนี้ของทุกๆปี บรรยากาศหน้าหนาวมาเยือนคนเมืองกรุง เมืองเหนือและแถบอีสาน
แต่สำหรับคนใต้ ต้องเผชิญหน้ากับฤดูกาลน้ำฝนเยือน

ช่วงฤดูกาลเช่นนี้ของทุกปี แผนการเดินทางมักเกิดขึ้น ไม่อยู่ป่าเหนือก็ไปอีสาน
แต่ปีนี้..พิเศษกว่าทุกปี เพราะไม่มีแม้แต่แผนการเดินทาง

ได้แต่แอบนึกคิด..รอโอกาสเหมาะๆ ยังมีเวลาสำหรับการแสวงหา แสวงโหย อีกมากมาย


ช่วงเวลานี้..ปีที่แล้ว
น่าจะอิ่มจนกระทั่งเอือม..บรรยากาศหนาวเหน็บและควันพิษ..ตั้ง ๓ เดือนเศษที่เชียงใหม่
วันเดินทางกลับพร้อมเจ้านาย..บอกว่า ไม่ไปอีกแล้ว ส่งตั๋วเครื่องบินให้ ก็ปฏิเสธ..
แต่ยังคิดถึง...ความรัก ความอบอุ่นจาก..ครอบครัวของเจ้านาย อาม่า เจ๊เพ็ญ อากง หรือแม้แต่เจ้านายซึ่ง่แม้จะทะเลาะกัน(เรื่องงาน)ก็ไม่โกรธหรือชัง เพราะในความบ้าบิ่น เขาก็ยังเป็นคนดี

เชียงใหม่


ที่สำคัญ..บุกเชียงใหม่ ได้ย่ำไปทุกที่..ที่อยากไป...
คนเดียวก็มีความสุข เพราะไม่มีใครขัดจังหวะโฟกัสความงดงาม


เวลาผ่านไปรวดเร็วเกินกว่าคิดตั้งตัว
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ติด
เพียงแค่ปีผ่าน...อะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้น เปลี่ยนไป ทั้งสูญเสีย และได้รับ แม้จะทดแทนกันไม่ได้

ณ วันนี้..ความสุขเบ่งบานอยู่ในใจ
โดยไม่ต้องเดินทางไกล
ไม่ต้องแพคเป้ แบกเต๊นท์ เดินป่า
(แต่บางคราก็อยาก..สงบ ทั้งที่พระท่านว่า..ความสงบเกิดที่จิตเราไม่ใช่ธุดงค์ป่า)

ทุ่งโนนสน พิษณุโลก


หลายครั้ง หลายหน..เราค้นพบความสุขได้โดยไม่ต้องเดินทาง

เพียงแต่เราค้น..ตัวเองให้เจอ..รู้ลมหายใจเข้าออก สติตั้งอยู่กับปัจจุบัน 
เรียนรู้ การเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง รู้ทุกข์...สุข..ว่า เกิดขึ้น..และหายไป วนไปวนมาอยู่เช่นนั้น




วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วันพ่อ..โครงการฟาร์มตัวอย่างในพระราชดำริฯบ้านน้ำดำ ปัตตานี

ศาลาทรงงาน


เมื่อปีที่แล้ว ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ผู้เขียนมีโอกาสได้เฝ้ารอรับเสด็จพ่อหลวง ณ โรงพยาบาลศิริราชโดยไปจับจองพื้นที่เฝ้ารอตั้งแต่เย็นของวันที่ ๔ ด้วยจิตมั่นหมาย 

ปีนี้อยู่ห่างไกลและติดภารกิจที่ยังยุ่งอิรุงตุงนัง มิอาจแยกตัวเองออกห่างไปได้ จึงเฝ้ารอ เฝ้าดูติดตามข่าวสารปวงประชาของพระองค์ท่านที่หลั่งใหลกันเข้าจับจองพื้นที่ทั้งบริเวณโรงพยาบาลศิริราชและหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมจนกระทั่งเต็มพื้นที่..ล้นพื้นที่ออกไปสุดลูกหูลูกตา กลายเป็นพื้นที่สีเหลืองอร่ามตา บานสะพรั่งทั้งแผ่นดิน สะท้อนให้เห็นถึงแผ่นดินของพระมหากษัตริย์อย่างไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆอีก และเชื่อว่าพี่น้องคนไทย..มีความสุขที่สุด  
รู้สึกปลื้มปิติและน้ำตาเอ่อขอบตาอย่างไม่รู้ตัวเช่นเดียวกับผู้เขียน

ขอบคุณภาพ จาก อินเตอร์เนต

ส่วนภายในโครงการฟาร์มตัวอย่างในพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ บ้านน้ำดำ ปัตตานี หน่วยเล็กๆ ในพื้นที่เสี่ยง มีกิจกรรมช่วงเช้าตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้งร่วมกับชุมชนชาวไทยพุทธในพื้นที่ และแยกย้ายกันทำงาน ต่อมาตอนเย็น..กำหนดการจุดเทียนถวายพระพร จะเร็วกว่าส่วนกลางเพราะเราอยู่ในพื้นที่เสี่ยง พื้นที่อันตราย พื้นที่เกิดเหตุการก่อความไม่สงบ 

ดังนั้นพี่น้องชาวฟาร์มตัวอย่างและประชาชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยต่างๆที่มาประจำการจึงมาพร้อมเพรียงกันช่วงเวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น.และพิธีเริ่ม ๑๗.๓๐ น.
ระหว่างรอ


จัดแถว


       แม้ว่าเราเป็นส่วนเล็กๆ ของพสกนิกรไทยของพ่อหลวงแต่เราก็รักพ่อเสียงดังไม่แพ้ใคร..

พร้อมไหม?
พิธีกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่นาที

พ.อ.พิเศษ ณรงค์กร พุทธสงกรานต์ ประธานในพิธี กล่าวคำถวายพระพร

และเสียงเพลงสดุดีมหาราชาดังกึกก้องทั่วทั้งบริเวณและก้องกังวานอยู่ในหัวใจทุกดวงของลูกๆทุกคน...


เริ่มจุดเทียนชัยถวายพระพร



เสียงถวายพระพร..
ทรงพระเจริญ
ทรงพระเจริญ
ทรงพระเจริญ

ประสานก้องกังวาน

ส่วนกลาง ส่วนเหนือ อีสานหรือส่วนใต้ ชายขอบ ชายแดน คนไทยก็รักในหลวง

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน 
ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ