วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

ปรุง(จิต)ให้ทุกข์ทำไม?


ความเงียบเกิดขึ้นรอบตัวและหัวใจ

ความวังเวงปรุงแต่งให้จิตพะว้าพะวง

เราค่อนข้างจะสับสนในตัวเอง บางครั้งเหมือนจะยับยั้งความคิดและความรู้สึกที่่หมุนวน
บ้างก็ดีๆ บ้างก็ร้ายๆ ให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคิดดีแต่ทำได้ยากเสียจริง

ระหว่างนี้สัมผัสอยู่กับความหลากหลายของผู้คน เต็มไปด้วยตัวกิเลส
เราก็มีมันอยู่ไม่น้อย เมื่อตัวกิเลสลอยวนอยู่รอบตัว
เราเองเหมือนจะอ่อนไหวและอ่อนแอกับตัวกิเลสเหล่านั้น
สัมผัสได้ รับมากอดมันไว้ บางครั้งรับมาและโต้ตอบด้วยโทสะ..เพราะโมหะกระจายอยู่เต็มหัวใจ

ความอ่อนไหวและความอ่อนแอในตัวเอง
เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งใหญ่ในการก้าวเดินตามจิตปณิธาน
ความอ่อนไหวและความอ่อนแอ..มักทำให้เราสะดุดขาตัวเองล้มลุกคลุกฝุ่น

บางครั้งบาดเจ็บฝากรอยแผลไว้เตือนความทรงจำ
หลายครั้ง..เดินหลงวนกลับไปสู่วังวนเดิมๆ และเจ็บปวดซ้ำบนรอยแผลเก่า

และวันนี้..จิตเริ่มอ่อนแออย่างหนัก
เริ่ม..พิจารณาตัวเองเป็นคนปัญญาอ่อน อ่อนปัญญา เพราะไม่มีสติ
(คงเป็นดังนี้จริงๆ เมื่อพิจารณาอีกทีคงไม่มีใครนั่งว่าตัวเองได้)

ฟ้าเปลี่ยนสี เวลาหมุนวนเช้าค่ำ แต่..
สิ่งที่จิตนึกคิดลงมือทำแล้ว บ่อยครั้งไม่สามารถแก้ไขได้อีก 
แม้จะร่ำให้จนน้ำตาเหือดหายก็ตาม
จะเดินสายขอพรพระก็มิใช่ศรัทธา...ได้แต่พยายามตั้งจิตให้มั่น..
บอกตัวเองซ้ำๆ บ่อยๆ ถามตัวเอง..ซ้ำแล้วซ้ำอีก...ลมหายใจตัวเองอยู่ที่ใด
เข้าๆ ออกๆ อย่าให้สูญเปล่า จะยุบหรือพอง ช้าหรือเร็ว ก็พยายามให้รู้ตัวไว้

........เพื่อให้ปลอดภัยจากทุกข์และกอดความสุขไว้นานๆ

ไม่มีความคิดเห็น: