วันสองวันนี้
สายฝนพรำ ในยามบ่ายถึงเย็น ถึงค่ำ
บางทีก็ถึงเช้า..
แสงแดดส่องพอเป็นประกายสดใสให้อบอุ่นเพียงชั่วประเดี๋ยว
แม้เสียงนกร้องเพลงสดใส ไม่ว่าเช้าสายบ่ายเย็น
แต่หัวใจฉันหม่นหมองในทุกคราวที่ว่างจากภารกิจ
บางทีก็
ยุ่ง วุ่นวายจนลืม เรื่องราวของตัวเอง
บางทีก็เคร่งเครียดกับความหมายของคำว่า...คน...วุ่นวาย
บางทีจำยอม
จำทนทำหน้าที่ให้จบท่ามกลางความระอา ท้อ จนหมดใจ
แต่สิ่งหนึ่งที่พึงประจักษ์
และแอบเก็บไว้ ให้นึกน้อยใจ และเสียใจ
คนบางคน..ทำไมฉันจึงเชื่อในตัวตน
แม้จะรับรู้ในความบกพร่องอยู่บ้าง แม้จะได้ยิน ได้เห็น ถึงความเสื่อม
ที่ผู้คนโจษจันให้เสียหาย
หรือแม้มีใครเข้ามาสร้างความเสียหาย กดดัน ให้ร้ายป้ายสี
หรือกระทำสิ่งใดๆ เขาด้วยวิชามารก็ตามที
สิ่งหนึ่งที่เราทำมาตลอดเวลาที่มายืนอยู่ที่นี่คือ...ปกป้องจนสุดฤทธิ์ สุดเดช ..ป้องจนตัวเองเจ็บ..แก้ตัวจนฉันรู้สึกว่า..ฉันทำอะไร..มากไปแล้วหรือเปล่า ตั้งแต่เรื่องงาน จนถึงเรื่องส่วนตัว...
โดยไม่ได้คิดหวังสิ่งตอบแทน ...แต่เขาก็ตอบแทนฉันด้วย...การไม่ไว้วางใจฉันเลย.
เรื่องงานบางทีก็ยากจะอธิบาย
พูดมากก็ว่ามากไป พูดน้อยก็ไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่พูดเลยก็ถูกรังแก ข่มเหงจิตใจ
ส่วนตัวฉัน..ไม่นิ่ง ไม่เฉย ไม่ยอมให้ใครรังแก และต้องได้รับความยุติธรรม
แม้บางทีมีกระทบกระทั่งกัน อาจพาลนึกโกรธ น้อยใจ หมดแรง ท้อ และอยากจะหยุด
แต่เมื่อทบทวน เมื่อได้รับมอบหมายแล้ว..จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ต้องเดินหน้า สะดุด
หยุดพัก ปล่อยมือไม่ได้
เพราะไม่ว่าผลงานจะดีหรือไม่..เราไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้เลย...(โหมดคนบ่น)
เสียงเม็ดฝนขาดหาย..ความเงียบและความมืดโรยตัวเข้ามา
แต่เสียงนกร้องเพลงยังไม่คืนรัง ฉันยังนั่งบ่นกับตัวเองเพียงลำพัง..บางตอนของชีวิต...เดินหน้าต่อไม่ไหว
ถอยหลังก็หมดแรง...คงทำได้เพียงหยุดพักและผ่อนลมหายใจแผ่วๆ ก่อนจะฮึดสู้..จะก้าวไปหน้าหรือจะยอมแพ้.
บันทึก ๑๔/๑๐/๕๖
ภาพ
จากหาดเทียนทะเล สัตหีบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น