วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

โลหะปราสาทแห่งเดียวในโลก


บ้านเรานี้หนาแสนดีนักหนา ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในเมืองร่ำรวยด้วยพุทธศิลป์อันล้ำค่า

ความภาคภูมิใจของคนไทยในอดีต 
กำลังถูกกลืนให้เลือนหายไปกับวัตถุนิยมและอารยธรรมของต่างชาติ
ผืนดินถิ่นที่เคยเป็นของคนไทย กำลังถูกชนต่างชาติเข้ายึดครองอย่างน่าเสียดาย

พุทธศิลป์ ความงดงามในเชิงพุทธศาสตร์เองก็กลายเป็นพุทธพาณิชย์
 และต้องงดงามด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชาวพุทธจึงจะนิยม


ใจกลางกรุงเทพฯมีวัดมากมายที่น่าสนใจ ผู้เขียนมักเลือกไปเยี่ยมชมวัดที่ดูสงบและมีเรื่องราวของประวัติศาสตร์มากกว่าวัดที่สวยงามเพื่อดึงดูดผู้คนไปสักการะบูชาเพื่อขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นั่งรถผ่านวัดโลหะปราสาท วัดราชนัดดา ก็บ่อยครั้ง ได้แต่มองด้วยความชื่นชมและตั้งอธิษฐานจิตในใจ 
ความจริงไม่ใช่ความลำบากยากเย็นอะไรเลย เพราะอยู่ใกล้สนามหลวง อยู่ใกล้สะพานผ่านฟ้าลีลาศ
 อยู่ใกล้วัดภูเขาทอง ตรงนี้นี่เอง แต่ก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ไม่เคยแวะเข้าไปให้ถึงวัดสักที


วันนี้ วันหยุด ไปทำธุระละแวกนั้น แม้ไม่ผ่านแต่ตั้งใจแวะไปสักที เป็นเวลายามสายแต่ภาวะอากาศร้อนเหมือนยามเที่ยงตรง บ้านเมืองเราที่เคยร่มเย็นกลายเป็นเมืองรุ่มร้อนทั้งจิตคนทั้งอากาศเพราะ..คนทำลายความสงบสุขและร่มเย็นกันเสียเอง

วัดราชนัดดา หรือวัดราชนัดดารามวรวิหาร พุทธศิลป์ที่เป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวในโลก สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2389 ตรงกับปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานเป็นพระเกียรติแก่พระราชนัดดา คือพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี


พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างโลหะปราสาท แทนการสร้างเจดีย์ นับเป็นโลหะปราสาทแห่งที่ 3 ของโลก(แห่งที่ ๒และ๓ อยู่ประเทศอินเดียและศรีลังกา แต่ปัจจุบันเหลือแต่ในประเทศไทยเท่านั้น) โดยสร้างเป็นอาคาร 7 ชั้น มียอดปราสาท 37 ยอด หมายถึงโพธิปักขิยธรรมในพระพุทธศาสนา 37 ประการ ยอดปราสาทชั้น 7 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กลางปราสาทเป็นช่องกลวง มีบันไดเวียน 67 ขั้น ให้เดินขึ้นไปดูทิวทัศน์ข้างบนได้

สำหรับสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ในวัดราชนัดดารามนี้ก็ยังเป็นแบบไทย พระอุโบสถเป็นมีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันลงรักปิดทอง ประดับด้วยกระจกงดงาม ภายในประดิษฐานพระประธานพระนามว่า "พระเสฏฐตมมุนี" ส่วนพระวิหารก็เป็นศิลปะแบบไทยเช่นกัน ภายในมีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเป็นประธาน พระนามว่า "พระพุทธชุติธรรมนราสพ"

พระบรมสารีริกธาตุ บนยอดพระวิหาร

ผู้เขียนไปตามลำพัง ดังนั้นการจะก้าวไปทางไหนจึงเป็นอิสระ ท่ามกลางบรรยากาศอันร้อนระอุ พื้นปูนที่ร้อนดังเอาเท้าเหยียบลงบนกองไฟ แต่เพียงชั่วเวลาแสนสั้น หลังจากก้าวผ่านเข้าไปภายในวิหารแล้ว ความเย็นสบายทั้งที่ไม่เครื่องทำความเย็น...ความเย็นก็โอบเราไว้ พื้นปูนภายในวิหารเย็นเฉียบต่างกันสุดขั้ว ผู้เขียนเดินผ่านนิทรรศการต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตทั้งจากวีดีโอทัศน์ ภาพวาด ภาพเขียน หรือภาพถ่าย แวะอ่านเรื่องเล่าที่น่าสนใจ ความรู้เกียวกับพุทธศาสนา โดยไม่ต้องเบียดเสียด แย่งที่เดินที่ยืนกับผู้ใด ผู้คนที่มาเยียมชม ณ วัดแห่งนี้มีไม่มาก คงเพราะไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดึงจริตของคนนับถือพุทธ


ผู้เขียนเดินขึ้นช่องบันไดวนแคบๆสูง ถึง ๖๗ ขั้นเพื่อชมภาพกรุงเทพฯ ๓๖๐ องศา ซึ่งในแต่ละชั้นที่เดินผ่านมีเรื่องราว มีความรู้ให้เราเก็บเกี่ยวไว้เป็นเครื่องประดับสมองเยอะทีเดียว แม้อากาศร้อน แต่ใจไม่ร้อนเร่งรีบ หรือเกรงใจว่าใครจะรอคอย 
ดังนั้นจึงยกเวลาทั้งหมดที่มีให้กับโลหะปราสาทแห่งนี้ไปครึ่งค่อนวัน

หากสนใจในสิ่งล้ำค่าและความภูมิใจที่คนไทยยังมีอยู่ ผ่านไปผ่านมาแวะชื่นชมกันบ้างสักนิด
วัดราชนัดดารามวรวิหาร โลหะปราสาทแห่งเดียวในโลก 
 สถาปัตยกรรมพุทธศิลป์อันล้ำค่าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก วิกิพีเดีย
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3



ไม่มีความคิดเห็น: