วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ใบไม้ยามใกล้ปลิดปลิว



บรรยากาศยามเช้าที่นี่ ต่างจากยามเช้าที่เมืองกรุง เมื่อฟ้าสางเราก็เริ่มได้ยินเสียงนกกรงหัวจุกขับขาน แว่วมาจากบ้านพักเจ้าหน้าที่ฝั่งใกล้เคียง คนใต้นิยมเลี้ยงนกกรงหัวจุกและนกเขากันเป็นจำนวนมากทั้งเพื่อใช้ในการแข่งขันซึ่งเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง บ้างก็เป็นธุรกิจซื้อขายกันในราคาสูงลิบลิ่วหากมีเสียงและลักษณะดี บ้างก็เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่นแก้เหงา

เช้านี้ฟ้ายังอึมครึมหลังฝนตกลงมาเมื่อคืน เรายังคงอยู่โรงพยาบาล มาทำหน้าที่ของลูกดูแลบุพการีเมื่อต้องเจ็บป่วยโดยไม่เคยเกี่ยงว่าใครเป็นลูกพ่อบ้าง บรรยากาศเงียบปลอดจากความวุ่นวาย หมอยังต้องให้เฝ้าดูอาการต่อไป อาการปอดอักเสบดีขึ้นแล้วแต่น้ำท่วมปอดยังต้องคอยเฝ้าระวัง หมอสั่งฉีดยาขับปัสสาวะเพราะน้ำท่วมปอด เฝ้ารอดูอาการวันต่อวัน แต่วันนี้พ่อมีอาการเหนื่อยน้อยลง แม้ยังต้องพ่นยาอยู่แต่ถอดสายออกซิเจนแล้วพ่อก็ยังอยู่ได้

พ่อเคยสูบบุหรี่และเลิกบุหรี่เมื่อประมาณ ๒๐ กว่าปีก่อน เพราะพ่อมีอาการไอเป็นเลือดหมอสั่งเลิกบุหรี่ มาถึงวันนี้พ่ออายุ ๘๓ ปี แต่ยังมั่นใจว่าตัวเองยังเป็นคนเก่ง มีความสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองอีกมากมาย อย่างเช่น ทำเปรี้ยวขับรถมอเตอร์ไซด์เข้าในเมืองได้บ่อยๆ ลูกๆหลานอย่าได้บ่นหรือห้ามพ่อทำอะไรหรือจะทำอะไรให้ เพราะจะไม่เป็นที่ถูกใจ ทุกอย่างต้องไปทำด้วยตัวเอง จึงมักจะประสบอุบัติเหตุขับรถไปชนเขาอยู่เรื่อยๆ แต่พ่อไม่เคยหยุด รักษาตัวหายดีเมื่อไหร่พ่อจะรีบซ่อมรถและหาเรื่องออกจากบ้านได้อีก ไม่มีใครจัดการยกรถกลับจากโรงพักเพื่อไปซ่อมพ่อก็จัดการด้วยตัวเอง เราจะบ่นมาก พูดมาก ห้ามเยอะ ก็เท่านั้นเพราะพ่อไม่ฟัง ไม่เชื่อและไม่หยุด สุดท้ายเราก็เครียด หงุดหงิดเสียเอง ญาติๆพี่ๆน้องๆจึงบอกว่าปล่อยไปเลยแล้วกัน เป็นอะไรค่อยรักษากันไป ปกติพ่อเจ็บเข้าโรงพยาบาลเพราะอุบัติเหตุ แต่คราวนี้ พ่อต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันเพราะอาการป่วยหลายอย่าง พ่อมีอาการหอบทั้งที่ไม่เคยเป็น และขาบวม  หมอบอกว่าพ่อติดเชื้อในกระแสเลือด และหัวใจรั่ว หัวใจโต หลังจากนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลยังพบอาการปอดติดเชื้อ น้ำท่วมปอด และโรคเก๊าท์  แต่เพราะพ่อเคยเป็นคนแข็งแรง ไม่เคยมีโรคภัยมาก่อน วันนี้พ่อก็ยังดูดีกว่าชายชราวัย ๘๓ โดยทั่วไป ยังสามารถลุกเดิน ยังช่วยเหลือตัวเองได้ แม้ภูมิต้านทานโรคจะทำงานน้อยลงก็ตาม  และพ่อคงได้เรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วว่าออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ พ่อจะลุกขึ้นจ๊อกกิ้งรอบบ้านไม่ได้ พ่อจะขนดิน ขนทรายเองไม่ได้ พ่อจะรดน้ำผักโดยไม่ใช้สายยางไม่ได้แล้ว ทุกอย่างที่พ่อเคยทำพ่อจะไม่สามารถทำอะไรได้อีก พ่อจะดื้อแพ่งกับลูกหลานไม่ได้อีกแล้ว

โรงพยาบาลหนองจิก จังหวัดปัตตานี เป็นโรงพยาบาลเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงสิบกว่ากิโลเมตร โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักถูกส่งเข้าโรงพยาบาลจังหวัด ดังนั้นที่นั่นจึงมีคนป่วยร้อยแปดพันเก้า  น้องสาวพาพ่อมาส่งโรงพยาบาลนี้เพราะพ่อมีอาการหอบรุนแรงและใกล้มือหมอมากกว่า  เมื่อทราบว่าพ่อเป็นอะไรยังบอกน้องชายว่าหากไม่สู้ดีย้ายพ่อเข้าในเมืองดีกว่า หลังจากน้องชายนอนเฝ้าพ่ออยู่ในห้องรวมหนึ่งคืน หมอบอกว่าต้องรอผลเอ๊กซเรย์หัวใจ เอ๊กซเรย์ปอด และเก็บเสมหะอีกสามวัน น้องชายจึงจองห้องพิเศษไว้ เมื่อฉันเดินทางมาถึงจึงไม่ต้องจัดการอะไรอีก ผลัดเปลี่ยนให้พี่สาวได้กลับไปไปดุแลครอบครัว ต่อมาหน้าที่ในการดูแลจึงเป็นของฉันอีกตามเคย ซึ่งตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาลมากกว่า ๓ วันและยังต้องอยุ่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาชัดเจน

แต่โรงพยาบาลแห่งนี้ถูกจัดภูมิทัศน์ให้สบายร่มเย็น จำนวนผู้ป่วยอยู่ในระดับที่กำลังพอดี ไม่โกลาหล ไม่วุ่นวาย อากาศยามเช้าเย็นสบาย เงียบ สงบ ฉันคิดได้ว่าถ้าพ่ออาการไม่มากถึงกับต้องพึ่งพาเทคนิคและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยมากๆ พักรักษาตัวอยู่ที่นี่ก็ดี และน่าชื่นชมหมอที่นี่น่ารักทุกท่าน ดูแลผู้ป่วยด้วยความตั้งใจ ใส่ใจคนไข้ได้อย่างทั่วถึง แม้พยาบาลบางคนอาจไม่มีใจหรือไม่ใช่มืออาชีพก็ยังพอรับได้ อีกประการหนึ่งมีเพื่อนและรุ่นพี่ที่สนิทกันมากเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกและดูแลพ่อเป็นอย่างดีอีกด้วย ทั้งยังเป็นเพื่อนคุยผ่อนคลายความตึงเครียดและความเงียบเหงา (เงียบและเหงาเพราะไม่ได้ออนอินเตอร์เนตตลอดทั้งวัน เพื่อนว่าอย่างนั้น)

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราพ่อ ลูกและใครต่อใครคุยกันไม่รู้เรื่องคือ พ่อหูตึง พูดดังๆก็ว่าตะคอก ว่าเขาใช้อำนาจกับตัวเอง ว่าเขาพูดไม่ดีด้วย ว่าลูกว่าหลานพูดจาไม่เข้าหู และโกรธถือทิฐิเอากับลูกกับหลานทั้งที่ไม่มีใครแบกความรู้สึกของพ่อมาใส่บ่าไว้สักคน  แม้วัยชราของพ่อจะปิดตัวเองจากสังคม เก็บตัวอยู่ตามลำพัง แต่เมื่อพ่อยังหนุ่มพ่อเป็นที่รักและเคารพของญาติพี่น้อง ของลูกหลาน ดังนั้นจึงเป็นความโชคดีที่พ่อที่ยังมีลูกหลานและพี่น้องอยู่เคียงข้างอย่างห่วงใยตลอดมา

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ..เป็นเรื่องจริง แต่ไม่ลืมกฎของธรรมชาติ
แม้เราสละชีวิตเพื่อให้ได้ทรัพย์ และต้องสละทรัพย์เพื่อรักษาชีวิตไว้ได้ก็เพียงชั่วเวลาเดียวเท่านั้น
ดังนั้น..ทุกชีวิตเกิดมา..เพื่อดับไป..มาจากธรรมชาติ และย่อมกลับคืนสู่ธรรมชาติ ดุจใบไม้ปลิดขั้วร่วงสู่ผืนดิน จึงต้องหมั่นสร้างคุณงามความดีกองสุมไว้ในทุกๆยามที่ยังมีลมหายใจ




ไม่มีความคิดเห็น: