วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

กรุงชิงหรือชิงกรุง

๒-๓ ปีมาแล้วที่เรามุ่งมั่นอยู่กับกิจกรรมงานอาสาจนกระทั่งทิ้งเพื่อนๆกลุ่มก๊วนที่เคยลุยป่าด้วยกัน

ครั้งนี้หมอนิติเวชจากรพ.ศิริราชหัวหน้าแก๊งส่งข้อความว่าจะลงมาเที่ยวน้ำตกกรุงชิง และเขารามโรม นครศรีธรรมราช อยากให้ไปเจอกันบ้าง เราเช็ควันเวลาแล้ว ตัดสินใจทันที ทำงานโดยไม่ได้หยุดพักเป็นเดือนๆ เพื่อเก็บวันหยุดไว้เที่ยว

สุขสันต์วันเจอกันพวกเขายังเหมือนเดิม ไม่มีใครอ้วนหรือผอมกว่าเดิม เหมือนเวลาไม่ได้กระชากหัวใจพวกเขาให้อ่อนล้า หรือร่วงโรยลงแต่อย่างใด

จุดนัดพบของเราและเขาคือสุราษฎร์ธานี เช้าวันนั้นฝนตกฟ้าชุ่มตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการเดินทาง จุดหมายต่อไปคือกรุงชิงโฮมสเตย์แอนด์รีสอร์ท ที่ อ.นบพิตำ

หลังอาหารเช้าที่ทางโฮมสเตย์จัดเตรียมไว้ให้แล้วเตรียมใจและกายไปเดินทางไกลกัน ระยะทางไป-กลับ ราวๆ ๘ กม.ไม่มีใครวิตกเรื่องระยะทางแต่หวั่นใจว่าเราจะเจอทากมากไหม?..



การเดินป่าจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางเข้าไปด้วยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
การเที่ยวป่าอย่าได้ประมาท..แม้แต่เรื่องเดียว อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

เดินไประยะหนึ่ง เจ้าหน้าที่อุทยานชี้ให้เราแวะชมต้นไม้ ที่มีลักษณะใบคล้ายปาล์ม คล้ายใบพ้อ แต่มีลำต้นเล็กและสูง ใบเป็นแฉกๆ  เรียกว่าต้นชิง  เราจึงเรียกว่าต้นไม้เจ้าถิ่น.

ชาวบ้านเรียก..กรุงชิง..มาช้านานซึ่งอาจเป็นเพราะเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีต้นชิงอยู่มากมาย อยู่ในเขตนบพิตำ อ.ท่าศาลา แต่ปัจจุบันได้ยกฐานะเป็น  อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช มีลักษณะเป็นป่ารกทึบ ที่ล้อมรอบไปด้วย เขาหลวง เขาปลายกะทูน เขาเคี่ยม เขากลม

ปี ๒๕๑๔-๒๕๑๙ เกิดสถานการณ์ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เคลื่อนไหวอย่างหนัก ปลุกระดมมวลชน โฆษณาชวนเชื่อ โจมตีเจ้าหน้าที่ ยึดอาวุธไว้ได้จำนวนมากจนกระทั่งสามารถจัดตั้งเป็น
กองทัพเข้ายึดพื้นที่บริเวณนี้ได้โดยใช้ชื่อ..กองทัพ ปลดแอก ประชาชนแห่งประเทศไทย...

ปัจจุบันยังมีหลักฐานบางอย่างหลงเหลือให้เราได้เก็บมาค้นหา ค้นคว้าข้อมูลเรื่องราวในประวัติศาสตร์เป็นเครื่องประดับปัญญา


ปี ๒๕๒๐ ทหารนาวิกโยธิน สามารถปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และยึดค่ายกรุงชิงได้สำเร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จและทรงทราบว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯจัดตั้งเป็นโครงการพระราชดำริ ทรงให้สร้างทางเข้าพื้นที่และทำโครงการชลประทานเพื่อให้ราษฎรได้เข้าไปอยู่อาศัย ดังนั้นทหารนาวิกโยธินจึงต้องอยู่รักษาพื้นที่ให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพและถอนกำลังออกจากพื้นที่เมื่อปี ๒๕๒๕




เจ้าหน้าที่เล่าว่าหากเดินต่อไปในป่าลึกราว ๓-๔ วันจะพบซากเมือง ซากตึก ซากปรักหักพังซ่อนอยู่ซึ่งแสดงให้รู้ว่า พื้นที่บริเวณนั้นเคยเป็นเมืองหรือมีความเจริญรุ่งเรืองในอดีตทำให้เรานึกถึงความเจริญในยุคสมัยศรีวิชัยนั่นเลย..จึงนึกสนุกถามน้องๆว่า..เราจะลองหาเวลาไปกันไหม?







ระหว่างทางเดิน แม้หนทางจะสะดวกสบาย เราได้พบพันธ์ไม้ใหญ่ ต้นใหญ่มากๆ หลงเหลืออยู่ในป่าแห่งนี้อย่างเช่น ต้นหลุมพอยักษ์ ดอกไม้ป่าชนิดต่างๆ เห็ดป่าซึ่งอาจมีพิษ จากการเดินป่าหลายๆครั้ง..เห็ดหลายชนิดที่เราเห็นสวยงามอาจมีพิษหากรับประทานได้คงเป็นอาหารสัตว์ไปแล้ว เพื่อนๆเดินล่วงหน้าไปเยอะแล้ว แต่เรามัวแต่แวะนั่นดูนี่ ฟังเจ้าหน้าที่อธิบายว่าอะไรเป็นอะไร ถ่ายรูปบ้างไรบ้าง







ป้ายบอกชื่อน้ำตกกรุงชิงแต่ละชั้นๆ 



ปกติบ้านเรามีใบไม้สีเขียวครึ้มทั้งป่า คงมีไม่มากที่พบใบไม้สีสวยงดงาม อย่างเช่นใบเมเปิลที่ภูกระดึง ภูหลวงหรือยอดดอยที่มีอากาศหนาว
ในป่ากรุงชิง..เราสามารถมองเห็นงดงามของใบไม้ซึ่งแตกต่างจากไม้สีเขียวโดยทั่วไปได้บ้าง


เกือบถึงจุดสุดท้ายเจ้าหน้าที่พาปีนบุกป่าไม้ไผ่ลงไปถ่ายรูป จำได้ว่าเรียกน้องๆ ผู้ชายที่เดินมาด้วยกันไม่มีใครตามลงไปสักคน 


น้ำตกกรุงชิงถ่ายจากที่สูง เดินลงไปอีกเล็กน้อยและมองกลับขึ้นมาน้ำตกแตกซ่านกระเซ็นเป็นละอองฝอยๆ สัมผัสผิวเย็นเยียบ รู้สึกสบายจนอยากนอนพักเป็นวันๆ

บ้างก็ลงเล่นน้ำสัมผัสความเย็นฉ่ำกันอย่างจริงจัง..พักผ่อนทั้งใจทั้งกายจนอิ่มอกอิ่มใจ

การเดินทางไป..เหมือนการรอคอยสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือรอคอยใครสักคน..ช่างเนิ่นนานเหลือเกิน
การเดินทางกลับ...ระยะทางเท่ากัน..รวดเร็วจนลืมเรืองราวระหว่างทาง

แต่แน่นอนไม่มีลืมความประทับใจระหว่างกัน

(น่าเสียดายล่องแก่งคลองกลายไม่มีภาพเพราะการพกพากล้องล่องแก่งเป็นอุปสรรคของความสนุก)


ขอบคุณข้อมูล..กรุงชิงจาก...
http://www.gun.in.th/2012/index.php?topic=112267.0

ไม่มีความคิดเห็น: