วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

กลับไปเยี่ยม ไปเยือน



นานมากทีเดียว สำหรับการทิ้งร้างห่างหาย ไปจากบ้าน(Mblog)อันอบอุ่นหลังนั้น

เหตุผล สั้นๆ ง่ายๆ คือ ไม่มีเวลา คำอ้าง สุดฮิต

อันที่จริง..ชีวิตมีอะไรมากมายกว่าคำๆนั้น

เรื่องราวที่ผ่านเข้ามา ทั้ง เรื่องสุข เรื่องเศร้า ปะปน จนบางที สับสนในตัวเอง…

…ฉัน ควรร้องให้ หรือ หัวเราะดีหนอ

ชีวิต มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ


แวะเข้าไป พี่น้อง เก่าๆ ที่เคยพูดคุยทักทายยัง บางคนคงมั่นคงกับบ้านหลังนี้

ดังนั้น เมื่อย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวเก่าๆ ของวันวาน

เรื่องราวการทักทาย พูดคุย….ทำให้รู้สึก บรรยากาศคุ้นเคย และอบอุ่นหวนกลับมาอีกครั้ง

และที่รู้สึกมากกว่านั้นคือ ..แปลกและแตกต่างมากมาย จนทำให้รู้สึกเหมือนคนหลงป่า คือ..

สภาพบ้าน(Mblog)เปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนจนฉันรู้สึกงงงัน เมามึน ไปไม่ถูกทีเดียว

หากจะต้องกลับมาปัดฝุ่น เก็บกวาด สร้างสรรค์เรื่องราวอีกครั้ง

คงต้อง…ทำความรู้จักกันใหม่ คงต้องทำความเข้าใจกันสักพัก

กว่าจะกลายเป็นบ้านที่คุ้นเคยหลังเดิม


....ครั้นเมื่อแวะเข้าไปบ่อย วนรอบบ้านหลายรอบ ก็ยังมึนๆ งงๆ ทำอะไรไม่เป็น

จึงตัดสินใจว่า..คงต้องย้ายเรื่องราววันเก่าๆ ออกมาเสียแล้ว


ขอบคุณภาพ จากอินเตอร์เนต

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ละออง ของความรัก ที่จางหาย





นับเป็นเรื่องราวเก่าๆ..ที่เขียนเก็บไว้..เนิ่นนานมาแล้ว(อีกเรื่อง)

ในวัน..ว่างเปล่า..แต่รุมเร้า

เรื่องราว..มากมาย หวั่นไหว..วุ่นวายวันนั้น



และเมื่อวันเวลาล่วงเลย

หลายสิบหลายอย่างผ่านมาและผ่านเลยไป

ใครหลายคนเดินทางมาทักทาย

บางคนหยุดพักระหว่างทางพูดคุย

เป็นกำลังใจและปลอบประโลม

บางคนแค่ผ่านมาและผ่านเลยไป



เมื่อเวลาล่วงแล้วเลยผ่านไป

เรื่องราวในอดีต ที่เคยร้าวราน รุกล้นในใจ

ได้ถูกหลงลืมไปพร้อมๆกัน

จนเจ้าตัวเองก็เพลิดเพลิน

ลืมเลือนวันเจ็บปวดได้อย่างไม่รู้ตัว

เมื่อวันเวลาเดินทางมาไกลถึงคราวนี้

เยื่อใยของความปรารถนาดี ห่วงหาอาทร

ความคิดถึงคะนึงหาอย่างเหลือล้น

จางหายไปไม่มีเหลือ..

แม้แต่กลิ่นไอและละออง..ของความรัก.



บันทึกต้นฉบับ http://mblog.manager.co.th/warintirak/th-58515/

ความรัก มักเป็นเรื่องแปลก ที่เกิดขึ้น และ จบลงได้ตลอดเวลา 
จะดีหรือร้าย..ไม่มีใครกำหนด..ความรักได้เลย

ขอบคุณภาพสวยจาก Pin it
http://www.pinterest.com/pin/303641199849861667/

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ใจเจ้าเอย



วันนี้รู้สึกหน่ายกับเรื่องราวอะไรต่ออะไรมากมาย...ชีวิต และ ความรัก อุ๊บบบ...มีจริงหรือ?


คิดถึงวันวาน คิดถึงเรื่องราวที่เคยเขียนไว้ที่ Mblog 

ไปรื้อ ไปค้น ตกแต่งเพจเสียใหม่ ทั้งที่ทิ้งไปนานหลายปีแล้ว 

ต้องขอบคุณ Admin ของ Mblog ที่ยังคงเก็บบันทึกต่างๆ ของฉันไว้ 

...ขออนุญาตคัดลอกบางบทความมาวางไว้ที่นี่ เผื่อว่าวันหนึ่ง บางสิ่งบางอย่างหายไป

อย่างน้อยก็ยังมีอดีตให้ได้คิดถึง



ในวันที่เราหยุดนิ่ง...ไม่ไหวหวั่นกับเรื่องใด ดูคล้ายเราจะเป็นสุขกับความสงบของใจ.

เมื่อวันหนึ่ง…วันนั้นที่เราดิ้นรน ตะเกียกตะกาย บินออกจากรัง 

บรรยากาศเปลี่ยนไป บางทีอากาศข้างนอกร้อนอ้าว บางทีเหน็บหนาวในใจ 

บางทีแดดแรงร้อนรุมสุมใจ…แต่บางครั้งเสมือนมีน้ำเย็นรดชุ่มชื้น 

ทั้งร้อนรุมสุมใจ ทั้งเหน็บหนาวในบางครา สรุปว่าอบอุ่นกำลังพอดีในทุกๆวัน



         อืม..ใจคนนี่นะ ช่างกระตือรือร้นซุกซนชนทุกเรื่อง 

มาวันนี้…ความซุกซนของใจ…เกิดเรื่องเกิดราวเข้าจนได้

 เราจะเรียกว่าอะไรดีนะ…เมื่อเรื่องไม่เป็นเรื่องเกิดขึ้น…

 เมื่อเรื่องโง่ๆของคนช่างสร้างฝัน เกิดขึ้นในโลกของความฝัน

แต่ยังเฝ้าวาดฝันในวิมานว่า..คือความจริง

ช่างน่าตลกขบขันตัวเองนักหนา

เมื่อถึงวันนี้ ฝันนั้น มันไม่ใช่ความจริง

 ฝันนั้นมันก็แค่ความฝัน..



เมื่อวันใหม่มาเยือน แสงแดดอุ่นๆส่องมาปลุกและเตือน

 ให้ตื่นจากภวังค์

ภวังค์ที่โดดเดี่ยวเหมือนที่เคย (เศร้าจัง)

 สุดท้าย เช้า สาย บ่ายค่ำ คงต้องเก็บใจไว้ในที่ๆปลอดภัย

 ในบรรยากาศที่อบอุ่นกำลังพอดี

 ไม่ซุกไม่ซน ไม่ตะกายออกไปหาฝันให้กระเจิดกระเจิง


อย่างเช่นที่เป็น ขอใจเก็บไว้ในที่สงบๆ สักพักหนึ่ง นะใจเจ้าเอย.

.......................

นี่คือ ความรู้สึกเมื่อปี ๒๐๐๙ 

ณ วันนี้ ๒๙ สิงหาคม ๒๐๑๔ อารมณ์ ความรู้สึกบางอย่างไม่ได้แตกต่างกัน

เกิดขึ้น ดับไป และเกิดขึ้นอีกครั้ง..




Warintirak….บันทึก

ขอบคุณภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เมื่อตะวันยิ้มฉันก็จะยิ้ม

ขอบคุณภาพจาก บอร์ด Trekkingthai "ฝนละเมอ"


เสียงเม็ดฝนยังคงดังเปาะแปะอยู่ด้านนอก
เสียงภายในบ้านฉันสงบจากสิ่งบันเทิงใดๆ
แต่เสียงภายในหัวใจฉันระรัวด้วยอารมณ์ที่กำลังต่อสู้กันเอง

......ทั้งรักและชัง...
ทั้งอยากหลีกหลบหนีไปจาก..ผู้คนที่รายล้อมอยู่มากมายหรือใครสักคน

บ่อยครั้งที่อยากหนีความตั้งใจเดิมๆ 
อยากทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อให้สังคมได้อยู่อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
แต่บางที..หลายสิ่งหลายอย่าง และคนบางคน ผ่านมากระทบจิต
ให้สะเทือน สั่นไหว และอยากเดินจากไป

บางครั้ง ความเข้มแข็งที่เคยมีมันเปราะและบางเบาจนหวั่นไหว
น้ำตา..ช่วยชะล้างและปลอบโยนบ้างในบางที
แม้จำต้องลุกขึ้นสู้..และมันก็ผ่านไปได้อีกสักครั้ง
ก็ยังมีอีกวัน..ที่ฉันแอบสะอื้นให้กับความอ่อนแอของตัวเอง

เสียงเม็ดฝนเงียบสงบลงพร้อมๆกับเสียงสะอื้นของตัวเอง

หมดเวลาของสายฝน
หมดเวลาของความเศร้าหมอง

เมื่อแสงตะวันโผล่มายิ้ม
ฉันก็พร้อมจะยิ้มทักทายผู้คนอีกครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เก็บบันทึกวันวานใส่BLOG




บางสิ่ง ที่เห็นและเป็นอยู่..ใช่ว่าจะรับได้นะ
แต่บางที..ที่ยังวางเฉยบ้าง ไม่ใช่ไม่รู้สึกรู้สา
เพียงแต่ฝึกที่จะอดทนและถอยมายืนในระยะที่ปลอดภัย เท่านั้นเอง.

บันทึก ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗

ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต



นอกจากเวลาที่ผ่านไปวันแล้ว วันเล่า
นอกจากการเดินผ่านผู้คนมากมาย...การเก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างทาง
การได้บันทึก..เวลาและผู้คนไว้ในความทรงจำ
บางที..ก้าวผ่านไปบ้าง บางทีหยุดพักทักทาย และเก็บความรู้สึกดีๆ ไว้อมยิ้มในวันว่างๆ
หรือแม้แต่บางที..กอดความเศร้าไว้มากเกินความจำเป็น
....สิ่งต่างๆ เหล่านั้น เก็บไว้เป็นทุน เพื่อก้าวต่อไป
เพื่อปรับจิตให้สมดุล..
เพื่อปรับทุกความเคลื่อนไหว..ให้สงบภายใต้ความเลวร้ายของคนในสังคม

...มองคนรอบข้างอย่างมีสติ แล้วจะมองเห็น..ธรรมะ-ชาติ 
กิเลสที่ฝังตัวอยู่อย่างเหนียวแน่นอยู่อย่างนั้น
..จิตที่โกรธ เกลียดชัง ของเราจะลดความรุนแรงด้วยความเข้าใจธรรมะ-ชาติของแต่ละคน....
และบางทีอาจกลายเป็นเวทนาเขา ซึ่งนั่นก็ฟังดูน่ากลัว 
เพราะ มันย้อนกลับมาทำร้ายเราเสียเอง....
การใช้ศิลปะ ในการอยู่อย่าง สงบและนิ่งตลอดเวลา 
จึงยากหากตามจิตตัวเองไม่ทัน

บันทึก ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกจากปลายด้ามขวาน


บนผืนดินปลายสุดของด้ามขวานไทย
บนผืนดินที่ระอุด้วยดินปืนและเสียงระเบิด
บนผืนดินที่ชุ่มด้วยเลือดและชีวิตของผู้คน

ในนาทีที่ไม่มีใครเคยรู้ชะตากรรมของตัวเอง

ภาพรถบรรทุกทหารหาญสับเปลี่ยนกำลัง...ผ่านตาไปเป็นขบวนใหญ่ ยาวสุดสายตา 

ภาพทหารหาญ..กลับจากลาดตระเวณ กลับสู่ฐานด้วยความอ่อนล้า 
แต่นัยตาของพวกเขายังแกร่งกร้าว

หัวใจเขาหวั่นไหวหรือไม่ฉันไม่แน่ใจ..
แต่หัวใจฉัน...หวาดหวั่น พรั่นพรึงและใจหายแทนเขา
อาการเศร้า หดหู่และอาวรณ์แทนครอบครัวที่จากมา

...เขามาทำหน้าที่ปกป้องชีวิตของประชาชนและแผ่นดินด้ามขวานไทย
เขา..เสียสละ ชีวิตเพื่อชาติ โดยไม่รู้ว่า..ยังจะมีชีวิตและลมหายใจกลับไปหาครอบครัวอีกไหม?

หรือแม้แต่ชีวิตประชาชนอย่างฉัน..ออกจากบ้านในแต่ละวัน ก็ไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเอง ว่า วันนี้จะมีโอกาสได้กลับบ้านทั้งที่มีลมหายใจหรือไม่

การเดินทางเข้าออกพื้นที่ต่างๆ ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าทุกพื้นที่ล้วนเป็นพื้นที่เสี่ยง
หากมีเส้นทางเข้าออกหลายๆเส้นทางเราต้องไม่กลับเส้นทางเดิม 
หากมีความจำเป็นต้องปฎิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยง..เราอาจต้องถอนตัวจากพื้นที่โดยเร็ว

ด้วยหน้าที่ บ่อยครั้งที่ติดตามนายไปพื้นที่เสี่ยงต่างๆ 
ถามว่า กลัวไหม?? กลัว แต่ ทำใจได้  วันนี้ไม่ตาย พรุ่งนี้ก็ตาย ทุกคน มีโอกาสตายเท่ากัน
และเลือกวันเวลาและสถานที่ตายหรือเหตุแห่งการตายไม่ได้ 
แต่ก็ประมาทกับสถานการณ์ไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวเช่นกัน

ชุมชนบ้านฉัน..เหลือประชาชนชาวไทยนับถือพุทธอยู่ไม่กี่ครัวเรือน 
และพื้นที่อื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน..
และประชาชนทุกๆพื้นที่ก็ยังถูกคุมคามด้วยเสียงปืน ระเบิด กับความตายแทบทุกวัน

ด้วยความหวาดกลัว ส่วนที่อพยพออกไปก็มีมาก
ส่วนที่ยังปักหลักอยู่ และเผชิญหน้ากับอันตรายก็มากมาย
...ด้วยสำนึกรักแผ่นดินเกิด ฉันเชื่อว่า อีกมากมายหลายชีวิต...
..ยังขอยึดผืนดินปลายด้ามขวานเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย..

บันทึก..จากปลายด้ามขวานไทย
๒๑ มีนาคม ๒๕๕๗

..


วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

ระเบิดเวลาในฤดูร้อน



ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
อากาศยามเช้าที่นี่..ชายแดนใต้ ยังคงเย็นสบายเสมือนฤดูหนาว
ยังคงได้ฟังเสียงนกร้องเพลง..สลับกับเสียงเฮลิคอปเตอร์ ที่ยังบินวนกลางสมรภูมิ

แต่เมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงสาย เริ่มระอุ ทั้งอุณหภูมิภายนอกและในหัวใจ
ผู้เขียน..กำลังร้อนรุ่มทุกๆ เวลา ด้วยพลังความร้อนที่ประดังเข้ามา
 หลายสิ่ง หลายอย่างกำลังรุมเร้าหัวใจและสมองแทบจะระเบิด
แม้จะเรียนรู้ หัวใจตนเอง รู้ตัวถ้วนทั่วในทุกขณะจิต หรือในขณะที่หัวใจกำลังเต้น
สมองและหัวใจก็ยังตีบตื้อตัน และอื้ออึง

...ได้แต่บอกตัวเอง ว่า ต้องผละ ไปจากที่นี่ ก่อนที่ระเบิดเวลาจะทำงาน
และแม้จะบอกตัวเองอีกว่า...การสยายปีกบินหนี ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย..ก็ตามที
และในขณะที่พร่ำพรรณาถึงตัวเองในยามนี้
..ท้องฟ้าอึมครึมคล้ายฝนจะตก
และในที่สุด..ละอองฝนก็สาดกระเซ็น สัมผัสทุกสรรพสิ่งให้ชุ่มชื้น 
นกก็ยังบรรเลง ขับขานอย่างรื่นเริง

..ยกเว้น..ปีกของหัวใจที่นิ่งสงบเพียงภายนอกแต่ร่ำร้อง ร้อนรนจะบินจากไป.

ขอบคุณภาพ นก จาก หมอกดำ

Nevermind บันทึก ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

ทำดีที่สุด..แค่ทำใจ



สำนักงานโครงการฯ จัดงานปีใหม่ให้กับพี่น้องชาวฟาร์มตัวอย่าง...
ฉันก็ตั้งใจทำ ตั้งใจสรรหาของขวัญมาเพื่อให้ทุกคนได้รับของขวัญปีใหม่เหมือนๆกัน เล็กบ้างใหญ่บ้าง คละเคล้ากันไป

มีปัญหาบ้างว่า..แรกๆ จัดแต่ของขวัญชิ้นเล็กๆก่อน ตอนท้ายๆ รายการเหลือแต่ชิ้นใหญ่ๆ  ก็น้อมรับความผิดพลาด  แต่ปัญหาใหญ่ อยู่ที่คนจับของขวัญ..ส่งให้ผู้รับ เลือกที่จะหยิบชิ้นใหญ่ ให้กับคนใกล้ชิดแม้จะจับได้ชิ้นเล็กแต่แอบเปลี่ยนเป็นชิ้นใหญ่..สร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก...
.....บ้างก็ไม่เป็นไปตามกติกา..ส่วนที่โวย ก็โวย แก้ปัญหาได้ก็จบ..



แต่คนที่ไม่ทำอะไร..ทั้งที่ควรทำ ก็คอยจับผิดซ้ำเติม..

ขอโทษ..หากจะเป็นผู้บริหาร สำหรับฉัน..คุณต้องมีวุฒิภาวะผู้นำ มีศักยภาพและความรับผิดชอบในการทำงานมากพอ

ผู้บริหารสำหรับฉัน....คุณต้องทำงานเป็นแบบอย่างที่ดี มีปัญญามากพอ ให้เพื่อนร่วมงานเห็นและเชื่อในตัวคุณก่อน..ไม่ใช่..ทำงานด้วยปากและวางอำนาจ ทั้งมองหาช่องทางจะเบียดเบียนทรัพย์สินส่วนรวม

ปีนี้ งานฉลองปีใหม่สำหรับฉันจึงไม่สนุก แต่เครียดกับความไม่ราบรื่นของงาน ปัญหาหลายอย่างพุ่งมาที่ฉันคนเดียว..เวทีสุดห่วย ก็เป็นความผิดฉัน อาหารไม่ดี ไม่เริ่ด ไม่น่าสนใจก็ตกที่ฉัน ทั้งที่เราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน โต๊ะวีไอพี มีคนอาสารับจัดการ แต่เมื่อถึงเวลางานจริงๆ เราต้องจัดกันเอง...อืม..คุณคิดว่าฉันจะสั่งการคนเดียวไหวไหม?

ผู้จัดการ...ทำอะไรบ้าง? หลังจากออกจากห้องประชุมแล้ว..คุณไม่ทำอะไรเลย แม้แต่ขั้นตอนการเตรียมงาน...อยากถาม? 
เมนูอาหารไม่น่าสนใจ คือ..แนวคิดของใคร? ผู้จัดการช่วยรับผิดชอบหน่อย? 
การรวมกลุ่มจัดซุ้ม ไม่ถามความสมัครใจว่า...ใครพร้อมจะรวมกลุ่มกับใคร...เขาร่วมงานกันได้ไหม? 
ผู้จัดการ จับคนไม่ปรองดองกันยัดๆ ลงซุ้มเดียวกัน...ปัญหา?
แต่ทุกความผิดพลาดลงที่ฉัน..

ค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารและการเตรียมงาน...ก็เงินส่วนกลาง
ค่าของขวัญ..ก็เงินส่วนกลาง..มีแต่ได้และได้..แต่ก็ยังจะไม่พอใจ
คน...มันยุ่ง วุ่นวายเสียจริง...ต้องทำใจ

ผู้อำนวยการฯ มอบรางวัลแก่ ชุด รำอวยพรปีใหม่

เลิกงานฉลอง แต่ฉันเก็บเอาความผิดพลาดทั้งหมดไปนอนก่ายหน้าผาก...เสียใจคนเดียว
ทำเพื่อส่วนรวม เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยหัวใจ...ท้อ

และสุดท้ายได้แต่ปลอบใจตัวเอง..ทำทุกสิ่งเพื่อให้ทุกคนมีความสุขและสนุกสนาน แม้ผลไม่เป็นเช่นที่หวัง..คิดเสียว่า ทำดีที่สุด ได้แค่ไหน แค่นั้น

ขอใจแลกเบอร์โทร...รุ่นคุณหลาน

มีเสียงบ่นเหนื่อย ไม่ได้ดื่ม ไม่ได้ทาน ไม่ได้อะไรเลย..จากน้องๆ ที่ร่วมงาน
ได้แต่ปลอบใจ ให้ข้อคิด....ใครไม่เห็นไม่เป็นไร..รับรู้ว่าเสียงหัวใจตัวเองบอกว่า..
เราได้ทำดีที่สุดแล้ว..ตั้งแต่ต้นจนจบ..เพื่อส่วนรวม เพื่อพี่น้องสมาชิกเรา..เท่านั้นพอ

แต่ฉันเองแอบคิดว่า....ปีหน้าใครจะเป็นแม่งาน เจ้าภาพ ก็รับไปเถอะ 
ส่วนฉัน..(หากยังอยู่)จัดงานวันไหน..ฉันจะจองทริปเที่ยวเมื่อนั้น..พอกันที
โชว์ชุด..ใจเกินร้อย รุ่นคุณยาย

วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

แรงเหวี่ยงหัวใจ


ต้อนรับปีม้า..คึกคัก ด้วยแรงเหวี่ยงของหัวใจ......วันปีใหม่...สำหรับฉันหลังจากเสร็จภารกิจร่วมตักบาตรอาหารแห้งรับวันปีใหม่แล้ว..อยู่โยงเฝ้าสำนักงานเพียงลำพัง...เหมือนจะรู้สึกดี กับความรู้สึกเดียวดายอย่างที่เคยชอบแต่..วันนี้...ห้องทำงานเพียงไม่กี่ตารางเมตรกรู้สึกว้างเกินไป...ความเงียบ ทำให้รู้สึกอ้างว้างจนรู้สึกกลัว


นาย..โผล่หน้ามาถาม..เด็กๆ ไปปีใหม่กันเหรอ?...
แล้วก็ไป(..หรือว่าฉันต้องพิจารณาตัวเอง)

หากฉันรู้ล่วงหน้าสักนิด..ว่าหัวใจฉันไม่พร้อมอยู่ลำพัง
วันนี้..ฉันคงอยู่กลางป่า บนยอดดอย อยู่ท่ามกลางอ้อมกอดขอภูผาที่ไหนสักแห่ง……
....คงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจได้มากกว่า

วันปีใหม่...ปีนี้
ฉันว่า..ใจฉันหวั่นไหวและอ่อนแอกว่าที่เคย
บรรยากาศข้างนอกอึมครึม..สายลมอ่อนพัดใบไม้ไหว...ละอองฝนพร่างพรมอย่างบางเบา
แต่หัวใจฉัน...วูบไหวและเหวี่ยงได้มากกว่า ทั้งที่มีแต่เสียงลมหายใจของตัวเอง.

ถึงอย่างไร...ก็ปรารถนาให้ทุกท่านประสบโชคดี มีความสุขในวันดีๆ 
เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆด้วยจิตเบิกบาน


วรินทิรา.... บันทึกความและบันทึกภาพ
๑ มกราคม ๒๕๕๗