วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปิดทองหลังพระ


กระแสพระราชดำรัสตอนหนึ่ง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

"...ต้องจำไว้นะ ว่างานทุกอย่างนั้นน่ะ มีด้านหน้าและด้านหลังเหมือนเหรียญบาท งานด้านหน้านั้นมีคนทำแยะ และแย่งกันทำ เพราะมีผลเห็นได้ชัดและก็ปูนบำเหน็จกันได้เต็มที่ แต่งานด้านที่ไม่ปรากฎแก่สายตาคนน่ะ ต้องเป็นคนที่เข้าใจงานและหน้าที่ของตัวจริงๆ จึงจะทำได้ และต้องเสียสละด้วย เพราะงานด้านหลังนั่นน่ะ เป็นงานปิดทองหลังพระ และต้องยอมรับว่าจะไม่ได้อะไรตอบแทน นอกจากความภูมิใจในการทำงานในหน้าที่ของตน จำไว้อีกอย่างหนึ่งคือ งานของพระมหากษัตริย์ที่แท้ส่วนใหญ่เป็นงานด้านหลัง..."

เพลงความฝันอันสูงสุด 
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ

ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว

ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ

ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทนง

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง

จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา

ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป

นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส

ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน

โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่ เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน

คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทยฯ

เนื้อหาจากเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้สะท้อนให้คนไทยตระหนัก มุ่งทำความดีเพื่อปกป้องชาติจากอริราชศัตรู แม้ไม่มีใครรู้หรือเห็นก็ตามที
ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือของท่าน วศิษฐ์ เดชกุฐชร อดีตนายตำรวจองครักษ์ เขียนเล่าว่า พระองค์เคยตรัสต่อท่านไว้ว่า การปิดทองหลังพระ เมื่อปิดมากๆวันหนึ่งทองจะล้นออกมาหน้าพระเอง 
ซึ่งผู้เขียนเข้าใจว่า..หมายถึงต้องมีคนเห็นทองที่ล้นออกมาหน้าพระเข้าสักวัน เฉกเดียวกับการทำความดี เมื่อเราทำบ่อย ทำมาก แม้วันนี้ไม่มีใครรู้เห็น แต่สักวันย่อมเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คน 
ดุจเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่ทรงงานอย่างหนักมาตลอดการครองราชย์ ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ที่ตรากตรำทำงานเพื่อประชาชนได้อยู่ดีมีสุข ประเทศเข้มแข็งและยั่งยืน ยืนหยัดมาถึงวันนี้ และทั่วโลกได้ประจักษ์แล้วซึ่งความอัจฉริยภาพของพระองค์ ซึ่งคนไทยล้วนสำนึกรักในองค์พระมหากษัตริย์ สำนึกในพระมหากรุณาอันล้นพ้น เพราะพระองค์ทรงปิดทองหลังองค์พระปฏิมาตลอดมา 

แม้มีอริราชศัตรูคอยบั่นทอนพละกำลัง ทำความเสื่อมเสียต่อพระราชวงศ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
แต่พระองค์ทรงมีพระราชจริยวัตรอยู่ในทศพิธราชธรรมอย่างเคร่งครัด 
ไม่ทรงย่อท้อ และไม่โต้ตอบแต่ประการใด 
ทุกวันนี้ คนไทยส่วนใหญ่ได้ตระหนักแล้วว่าการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคงนั้นต้องเดินตามคำสอนของ
พ่อหลวงตามแนวพระราชดำริแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ชีวิตครอบครัว และชุมชนจึงจะเข้มแข็ง โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยหรือขอความช่วยเหลือจากภาครัฐบาล 

การเดินตามรอยเท้าอย่างที่พ่อทำและพ่อสอน ไม่เพียงแต่บุคลใดบุคคลหนึ่งจะเข้มแข็ง 
แต่ทุกครอบครัว ทุกชุมชน ก็จะเข้มแข็งและยืนหยัดอยู่ได้แม้จะเผชิญหน้ากับภัย
หรือความเดือดร้อนจากธรรมชาติหรือจากความชั่วร้ายจากศัตรู


(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต)




ไม่มีความคิดเห็น: