วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ส่องกระจกในความมืด


กิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อสาธารณะประโยชน์ หรือเพื่อรณรงค์ ส่งเสริม สังคมให้ดีงามตามวิถีไทย ตามรอยเท้าพ่อ เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ผู้เขียนอยากจะเรียนว่าไม่ว่ากิจกรรมใดๆ ถ้าตรงกับจริตของผู้เขียนแล้ว และผู้เขียนรู้สึกว่ามีความสุขถ้าได้ทำเช่นนั้น ผู้เขียนพร้อมจะเข้าร่วมกิจกรรมตามสภาพและกำลังศรัทธา 

และที่ผ่านมากิจกรรมต่างๆที่ได้ร่วมแล้ว บางกิจกรรม บางกลุ่ม บางทีม ผู้เขียนก็ละจากมาอย่างเงียบๆโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ด้วยเหตุผลไม่ชอบส่วนตัว แต่ไม่เคยไปโพนทนาว่าทำไมถึงต้องจากไป 

บางกิจกรรม ถูกปล่อยปละละทิ้งเสมือนไร้คนดูแลและสานต่อให้กิจกรรมยังคงมีความเคลื่อนไหว
 แต่ด้วยความรักและศรัทธาในสิ่งที่ได้มีส่วนร่วมเริ่มต้นมาด้วยตัวเองแล้ว 
จึงยังต้องดูแลอยู่อย่างเงียบๆต่อไป

บางกิจกรรมได้รับการยอมรับจากสังคมมากมาย แต่ภาพลักษณ์ภายใน 
ไร้ระบบระเบียบในการดำเนินงาน ยึดหลัก..ตัวกู...เป็นใหญ่ 

เมื่อได้ทำความรู้จัก"คน"อาสา ก็ยิ่งได้เรียนรู้ การ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

แม้จะยกตนว่าดีกว่าคนอื่นอย่างไร...ค่าแห่งความเป็น คน ย่อมไม่แตกต่างกันมาก 
หากแต่เพียงมุมความคิดและวิธีการนำเสนอคุณค่าในตัวเองเท่านั้นที่ต่างกัน

บางคนเป็นต้นไม้ใหญ่ หวั่นไหวไปตามแรงลม แต่ยังยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคง
บางคนเป็นยอดหญ้า ลู่ไปตามแรงลม เหมือนล้าแรง
บางคนยอมหักไม่ยอมงอ...

บางคนแม้มีกระจกส่องใจ...สักสิบสักร้อย ถ้าขาดการพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน 
ด้วยสติ ด้วยเหตุและผล ก็ไม่ต่างอะไรกับส่องกระจกในความมืด

ส่วนตัวผู้เขียนนั้น..ชี้ชัดไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร 
บางครั้งยอมหักไม่ยอมงอ 
ซึ่งแล้วแต่จังหวะเวลา แต่ไม่ใช่ต้นต้นอ้อล้อไปกับแรงลม
และชัดเจนว่า..ตัวกู..ใหญ่มากเหมือนกัน 

ขอบคุณภาพจาก

ไม่มีความคิดเห็น: