วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หลงเงา


การได้รู้จักและสัมผัสกับคนหมู่มาก ทำให้เราได้เรียนรู้สัจธรรม ความจริง และหัวใจคนได้มากมาย
การยืนเฝ้ามองความเคลื่อนไหวของผู้คนอย่างเงียบเชียบ
ทำให้เรากลั่นกรองน้ำใสใจจริงได้ดีทีเดียว

ผู้เขียนไม่เก่งมากพอจะพิพากษาว่าใคร..ดีมีธรรมะที่สุด..เพราะมือถือสากปากถือศีลก็มีมากมาย
ตำรวจผู้รักษากฏหมายยังฝ่าฝืนกฏหมาย...
ไฉนเลย..คน...ธรรมดาจะไม่หลงเงาตัวเอง

ในรัศมีวงกลมรอบๆตัว..ยังมีส่วนประกอบของอากาศ คน หรือสิ่งของอีกมากมาย 
ถ้าจะก้าวออกจากจุดที่ยืน แน่นอนไม่มีทางเหยียบหัวตัวเอง และเคยนึกตระหนักถึงสิ่งที่วนเวียนอยู่รอบตัวเราหรือไม่ เคยคิดไหมว่ามี..มด แมลงหรือสิ่งใดอยู่ข้างๆเท้าเราหรือเปล่า ถ้าแม้นเผลอเหยียบโดยไม่ตั้งใจ..มันก็แค่ตาย เราก็ไม่อินังขังขอบกับความตายของสิ่งเล็กๆเหล่านั้นอีกตามเคย

แต่ถ้าหากใครสักคนล่วงล้ำเข้ามาเผลอเหยียบเงาเรา...ซึ่งบางครั้งอาจไม่ตั้งใจ แต่..ใจเราบอกกับตัวเองว่าไม่ได้สิ...ฉันต้องเอาคืน ขอไปเหยียบเงาเขาบ้าง
เพื่อสั่งสอนให้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเหมือนๆกัน

ผู้เขียนก็เคยเป็น..เพราะเขาทำเราเจ็บ เราขอเอาคืนให้เขาเจ็บได้เท่าๆเรา แต่ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ ความโกรธเผาใจตัวเองจนหมองไหม้ กว่าจะหลุดพ้นความแค้นฝังใจ เสียเวลา เสียคน เสียเพื่อนและเสียศรัทธา

ความเจ็บปวด เจ็บใจที่เราไม่เคยก้าวไปให้พ้นทำให้... อหิงสา กลายเป็นอหิงสวน
ความสงบกลายเป็นสงคราม..เกิดความร้าวฉานขยายออกไปเกินจะควบคุม

เมื่อหยุดใจที่รุ่มร้อนและควบคุมจิตที่พลุ่งพล่านของตัวเองไม่ได้เสียแล้ว ..เราก็เดาไม่ออกว่าต่อไปจะควบคุมสิ่งใดได้อีก

เงา....มันก็แค่เงาที่เกิดขึ้นเมื่อมีแสง เมื่อความมืดปกคลุม..เงาก็จางหายไป ถ้าเรายึดมั่น ถือมั่น เงาก็จะบงการให้เราหลงทาง หลงตัว หลงอำนาจ..และเสื่อมด้วยตัวของเราเอง

เมื่อถึงเวลานั้น เราอาจโดดเดี่ยว และจะหันไปชี้ว่าใครผิด..คงไม่ได้

ในรัศมีวงกลมรอบตัว..จงพินิจพิจารณา ให้ถ้วนทั่ว..ไม่มัวลุ่มหลงเงามืดของตัวตน

และสงบ สันติและอหิงสา..ก็จะนำไปสู่..แรงศรัทธาและสันติภาพ




ไม่มีความคิดเห็น: