ผู้เขียนเกิดบ้านทุ่ง พ่อเลี้ยงเป็นเพื่อนยุงกลางสวนยาง แต่ไปโตในเมือง ดังนั้นบรรยากาศแบบบ้านอก บ้านทุ่ง บ้านนา บ้านกลางสวนและเด็กในเมืองได้สัมผัสมาอย่างละเล็กละน้อย
และถูกบันทึกไว้ในความทรงจำ
ภาพน้ำท่วมทุ่ง(นา)ก็เคยเห็นและพอจำได้รางเลือนเมื่อตอนเด็กมากเคยร้องขอพี่ๆ(ลูกพี่ลูกน้อง)ติดเรือออกไปกลางทุ่ง ที่มีน้ำสุดลูกหูสุดลูกตา ใน ที่บอกว่าร้องขอ คือต้องร้องให้ก่อนจึงจะได้ไป เพราะยังเด็กมากพี่ๆวัยรุ่นไม่อยากเอาไปเป็นภาระ ขอดีๆไม่ให้ไปต้องร้องน้ำตาใหลก่อน ให้ปู่หรือย่าเห็นก่อนเขาจะได้บอกว่า "เอาน้องไปด้วย" นี่คือคำสั่งปกาศิต
เมื่อโตแล้ว ถูกส่งเข้าไปอยู่ในเมือง ปิดเทอมถึงได้กลับบ้าน บางทีอ้างเรียนพิเศษก็ไม่กลับ
ดังนั้น น้ำท่วมบ้านทุกปีก็จริง ไม่เคยได้สัมผัสของจริงสักครั้ง
ปีนี้คงเป็นครั้งแรก ที่มีโอกาสได้สัมผัสของจริง
ดังนั้นจึงเดินออกไปสำรวจน้ำนอกบ้านตั้งแต่เช้าตรู่
เช้าตรู่เมื่อหลายวันก่อนสายหมอกหนาเต็มฟ้า เห็นแล้วตื่นเต้น ถ้าเป็นกรุงเทพฯเราคงดีใจ ว่าลมหนาวคงมาเยือนในเร็ววัน แต่ภาคใต้มีแต่ความเย็นจากลมฝน น้าบอกว่า..แสดงว่าฝนจะตกใหญ่ ผู้เขียนแอบคิดในใจว่า..ตอนนี้ก็ตกทุกวันมาเป็นเดือนๆอยู่แล้วไม่เห็นมีหมอก
มะละกอ(พันธ์อะไรจำไม่ได้) ลูกดก ไม่มีเมล็ด หวาน อร่อยมาก หากน้ำท่วมขังหลายวันมันคงตายเพราะรากมะละกอไม่แข็งแรงพอจะแช่น้ำหลายวัน |
และเมื่อ ๓ วันที่ผ่านมาฝนตกอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน ไม่พักยกหยุดให้พระอาทิตย์ได้ส่งแสงถึงผืนดิน
เช้านี้..น้ำคลองหลังบ้านเอ่อล้นกระจายตัวไปทั่วถึงกันทุกบ้าน น้ำทุ่งกำลังข้ามถนนผ่านมาชนกับน้ำคลองทำให้คิดถึงคำบอกเล่าของน้า...ฝนจะตกใหญ่ อืม..จริงแฮะ
ตอนนี้น้ำกำลังเดินทางอย่างช้าๆ ค่อยๆสูงขึ้นทีน้อย ไม่ค่อยน่าตกใจกลัว บ้านของผู้เขียนถมที่สูงกว่าคนอื่นเล็กน้อยน้ำจึงมาช้ากว่าคนอื่น บ้านน้าเป็นบ้านยกพื้นสูง น้ำเข้ายึดครองพื้นที่บริเวณใต้ถุนเรียบร้อย บ้านของหลานยกของหนีน้ำตอนตีสี่
น้ำท่วมขังผ่านไปเพียงวันเดียว มะละกอต้นข้างบนก็ล้าแรง ถอนรากถอนโคนตัวเองนอนพักไปอย่างถาวรแล้ว |
ยังไม่ยอมหยุดเดินทางและเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
อีกประมาณ ๑ ฟุตจึงไหลจะเข้าบ้าน
อาจคงต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้า เพราะดูเธอทำตัวเป็นรถไฟไทย..ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น