ฤดูฝนในประเทศไทยเริ่มประมาณเดือนหกหรือประมาณกลางๆเดือนพฤษภาคมของทุกๆปี..
และฝนจะมีมากหรือน้อย มาตรงเวลาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับธรรมชาติเป็นตัวกำหนด
ถ้าปีไหนฝนมามากน้ำนองจนกระทั่งท่วมโดยไล่ระดับลงมาจากภาคเหนือจนกระทั่งมาสิ้นสุดที่ภาคใต้ช่วงประมาณเดือน ๑๒ หรือเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกๆปี
ปีนี้ธรรมชาติคงเมตตาประชาชนชาวไทยน้อยกว่าทุกปี หรืออาจจะน้อยอกน้อยใจคนภาคกลางและคนกรุงฯจึงส่งสายน้ำมามากกระทั่งเกินความจำเป็น หรือส่งมาเพื่อชะล้างสิ่งเปรอะเปื้อน สกปรก ทั้งด้านมลภาวะเป็นพิษที่ลอยวนอยู่บนชั้นบรรยากาศ เขม่าควันไฟจากตึกรามบ้านช่องที่เพิ่งถูกเผาด้วยน้ำมือของอมนุษย์ และแม้แต่คาวเลือดที่นองผืนธรณี หรือเปล่า?
ผู้เขียนติดตามดูผู้ประสบภัย และเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมขังอยู่เป็นเวลา ๒-๓ เดือนด้วยความเครียด
คนต่างจังหวัดที่ประสบภัยต้องอพยพออกจากบ้านที่อยู่อาศัยไปอยู่ตามศูนย์พักพิงต่างๆ อพยพแล้วอพยพอีกเพราะน้ำบุกรุกล้ำเข้าไปทุกที่ ขยายวงกว้างทั่วทั้งเมืองกรุงและส่วนกลางของประเทศไทย บางคนโชคร้ายถูกซ้ำเติมโดยมิจฉาชีพเข้าบ้านไปลักขโมยทรัพย์สิน มิเพียงเท่านั้นพ่อค้า แม่ค้า ผู้ทำมาค้าขาย..ไร้น้ำใจ ซ้ำเติมผู้บริโภคด้วยการตุนสินค้าจำเป็นและจำหน่ายในราคาสูงมาก ทราบจากเพื่อนๆในกรุงเทพฯว่า..ไข่ไก่เบอร์เล็ก ที่เคยขายในราคาแผงละ ประมาณ ๑๐๐-๑๕๐ บาท วันนี้ขายกันแผงละ ๒๕๐ บาทฯลฯยังมีอีกหลายๆรายการที่ถูกเล่าสู่กันฟัง..ซึ่งเรารับรู้ รับฟังด้วยความเศร้าใจ
แต่คนไทยอีกส่วนหนึ่ง..ทุ่มเทกับการช่วยเหลือแรงกายแรงใจและบริจาคทุนทรัพย์ ที่อยู่อาศัยและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนด้วยความเสียสละ..ผู้เขียนขอชื่นชมและยกย่องหัวใจของพวกคุณ
ส่วนผู้ฉกฉวยโอกาสด้วยความเห็นแก่ตัวลักขโมยทรัพย์สินของผู้ประสบภัย และกักตุนสินค้าเพื่อขายในราคาแพงเกินควร จะไม่รู้สึกละอายต่อบาปบ้างเลยหรือไร..
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ...นอกจากนักการเมืองแล้ว..มิจฉาชีพและพ่อค้าแม่ค้าก็ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม ขาดหิริ โอตัปปะ..ทำร้ายกันแม้ในยามเดือดร้อนขนาดนี้เลยเชียวหรือ??
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น