วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สายฝนหรือน้ำมนต์รดกระหม่อมข้ารองบาท



ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นหนึ่งในกลุ่มกิจกรรมรักพ่อภาคปฏิบัติ ร่วมงานกันมาตั้งแต่กิจกรรมเรื่องปัญหาชายแดนเขมร จนมาถึงเรื่องความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นแนวทางของเราทุกคน ที่ได้ปฏิญาณตนต่อองค์บุรพกษัตริย์ว่าเราจะทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสน์และกษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี

การทำงานของเราผ่านอุปสรรค ปัญหา ความขัดแย้งทั้งภายในและจากบุคคลภายนอกมากมาย แต่เราก็ผ่านปัญหาเหล่านั้นมาด้วยความอดทน อดกลั้น ด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความเข้าใจปัญหาและเข้าใจคน ด้วยความรักและประคับประคองกอดคอกันและกันก้าวผ่านมาได้ เพราะเราทุกคนตระหนักเสมอว่าเรากำลังทำเพื่อส่วนรวม ด้วยความภาคภูมิใจ และความศรัทธาในสิ่งที่กำลังกระทำและด้วยความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย 



เราทุ่มเททั้งแรงกายและกำลังใจ ทั้งสละความสุข เวลาพักผ่อนเพื่อทำงานให้ลุล่วงผ่านไปด้วยดี เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ต้องการให้สิ่งดีๆที่ได้ทำไปแล้วสูญเปล่า 

การสูญเปล่าไม่ได้หมายความเราต้องการผลตอบแทนเป็นผลประโยชน์

แต่เราต้องการเห็นคนไทย..ร่วมกันออกมาแสดงความรัก และจงรักภักดีเป็นรูปธรรม มากๆและมากขึ้นเรื่อยๆ ทำอยู่เสมอ ทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด ไม่ทำเฉพาะวันใดวันหนึ่ง ไม่ทำแค่วันของพ่อ(๕ ธันวาคม ๒๕๕๔)

ผู้เขียนเชื่อในสิ่งที่กำลังกระทำ ศรัทธาในสิ่งที่กำลังปฏิบัติ หลายๆครั้งที่เราไปปฏิบัติการรักพ่อที่ศิริราช เจอวันที่ท้องฟ้ามืดมัว เม็ดฝนกำลังเดินทาง เรามองท้องฟ้าด้วยความวิตกหวั่นใจว่าภารกิจเราจะทันเสร็จสิ้นหรือไม่ 
และวันนี้ก็อีกเช่นกัน(อาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๔)ได้แต่แหงนหน้ามองฟ้าภาวนาต่อองค์พระอินทร์ที่อยู่บนฟ้าขออย่าเพิ่งปล่อยน้ำฝนหล่นมาตอนนี้ และเหมือนฟ้ามีตา เทวดามีหู ความมืดมิดบนฟ้าค่อยๆคลายจางหายไป เม็ดฝนที่พรำลงมาก็เพียงบางเบาเหมือนน้ำมนต์ 
จนกระทั่งเมื่อปฏิบัติการของเราจบลง สายฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก

ดังนั้นผู้เขียนจึงเชื่อมั่นและศรัทธาในสิ่งดีๆที่เราร่วมรวมใจกัน เชื่อในความบริสุทธิ์ใจของทุกคน
และพร้อมน้อมถวายความจงรักภักดี แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ผู้เขียนจึงยังยึดมั่นในคำปฏิญาณตนต่อองค์พระนเรศวรและองค์พระภูมิพลต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น: